เอเจนซีส์ - มอสโกและวอชิงตันเริ่มต้นการเจรจาสำคัญว่าด้วยแผนการปลดอาวุธเคมีซีเรีย หลังจาก “ปูติน”เรียกร้องแกมดักคออเมริกาว่า ปฏิบัติการทางทหารฝ่ายเดียวจะทำให้ความรุนแรงและลัทธิก่อการร้ายขยายไปทั่วตะวันออกกลาง ด้านฝรั่งเศสคาดหมายว่า ยูเอ็นจะเผยแพร่รายงานผลการตรวจสอบอาวุธเคมีในซีเรียต้นสัปดาห์หน้า
จอห์น เคร์รี และเซอร์เก ราฟลอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ และรัสเซียตามลำดับ มีกำหนดพบกันที่นครเจนีวาในวันพฤหัสบดี (12) เพื่อหารือแผนการของมอสโกในการทำลายอาวุธเคมีของซีเรีย
ต้นสัปดาห์นี้ รัสเซียช็อกโลกด้วยการเสนอให้ดามัสกัสยอมส่งมอบอาวุธเคมีแก่นานาชาติ เพื่อให้อเมริกาเลิกแผนใช้ปฏิบัติการทางทหารลงโทษรัฐบาลของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ที่ถูกตะวันตกกล่าวหาว่า ใช้อาวุธเคมีโจมตีประชาชนของตนเองเมื่อวันที่ 21 เดือนที่แล้ว
ในเวลาต่อมา ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ก็ขานรับโดยยอมระงับการโจมตีซีเรียเอาไว้ก่อน ทว่า อเมริกาและฝรั่งเศสเตือนว่า ปฏิบัติการทางทหารยังคงเป็นตัวเลือกสำคัญ หากกระบวนการทางการทูตล้มเหลว
อย่างไรก็ดี ทางด้านกลุ่มต่อต้านรัฐบาลซีเรียยังคงออกมาโจมตีว่า แผนการดังกล่าวของวังเครมลินเป็นเพียงการซื้อเวลา และจะทำให้มีคนตายมากขึ้นจากสงครามความขัดแย้งที่ระเบิดขึ้นตั้งแต่เดือนมีนาคม 2011 ซึ่งจนถึงวันนี้มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 110,000 คน
เซลิม ไอดริส ผู้บัญชาการกองทัพปลดแอกซีเรียของฝ่ายกบฎแถลงผ่านคลิปที่ถ่ายทอดบนยูทูบว่า มหาอำนาจโลกไม่ควรพอใจกับการกำจัดอาวุธเคมีเท่านั้น แต่ต้องนำตัวผู้ก่ออาชญากรรมสงครามเข้ารับการพิจารณาคดีจากศาลอาญาระหว่างประเทศด้วย
สำหรับฝ่ายรัสเซียนั้น เมื่อวันพฤหัสบดี หนังสือพิมพ์คอมเมียร์ซันต์ ของรัสเซียรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวทางการทูตของรัสเซีย ถึงรายละเอียดแผนการปลดอาวุธเคมีซีเรียที่จะเสนอต่อวอชิงตันเป็นครั้งแรก ว่าจะประกอบด้วย 4 ขั้นตอนได้แก่การที่ซีเรียเข้าร่วมองค์การห้ามอาวุธเคมี (โอพีซีดับเบิลยู) แล้วเปิดเผยที่ตั้งคลังอาวุธเคมี ตามมาด้วยการยินยอมให้เจ้าหน้าที่โอพีซีดับเบิลยูเข้าตรวจสอบ และสุดท้ายคือดำเนินการทำลายหัวรบอาวุธเคมี
นอกจากนี้ก่อนการเจรจา ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย ยังทำสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน นั่นคือเขียนบทความตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทมส์ เตือนว่าปฏิบัติการทางทหารฝ่ายเดียวของอเมริกาตามที่โอบามาแถลงต่อประชาชนเมื่อคืนวันอังคาร (10) โดยอ้างว่า อเมริกามีบทบาทพิเศษนั้น มีแต่จะทำให้ความรุนแรงลุกลามออกนอกพรมแดนซีเรีย และปลุกกระแสลัทธิก่อการร้ายระลอกใหม่ในตะวันออกกลาง รวมทั้งอาจทำให้ระบบกฎหมายระหว่างประเทศและระเบียบโลกทั้งหมดเสียศูนย์
กระนั้น ปูตินก็แสดงความยินดีที่วอชิงตันตกลงที่จะพิจารณาข้อเสนอของมอสโก แต่ไม่วายเตือนว่า การโจมตีโดยไม่ได้รับอนุญาตจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ที่รัสเซียมีอำนาจยับยั้ง จะทำลายความน่าเชื่อถือของยูเอ็น
ทั้งนี้ ตัวแทนจาก 5 ชาติสมาชิกถาวรของยูเอ็นเอสซี ซึ่งประกอบด้วยอังกฤษ จีน ฝรั่งเศส รัสเซีย และอเมริกา ก็ได้เปิดการหารือกันเมื่อวันพุธ ทว่าไม่ได้ข้อสรุปใดๆ
สำหรับการหารือที่เจนีวานั้นคาดว่า จะใช้เวลา 2-3 วัน โดยมุ่งเน้นที่การผลักดันการประชุมสันติภาพเพื่อยุติสงครามกลางเมืองในซีเรีย ทั้งนี้นอกเหนือจากลาฟรอฟแล้ว เคร์รียังจะได้พบกับ ลัคดาร์ บราฮิมี ผู้แทนของสันนิบาตอาหรับและของยูเอ็นในเรื่องซีเรียอีกด้วย
ฝ่ายตะวันตกนั้นอวดอ้างว่า ความพยายามทางการทูตที่ผุดขึ้นมาใหม่อย่างกะทันหันเช่นนี้ เป็นผลจากคำขู่ในการใช้กำลังทหาร กระนั้น ยังคงมีคำถามคาใจว่า อัสซาดจะส่งมอบอาวุธเคมีจริงหรือไม่ และการรีบร้อนจัดประชุมที่เจนีวาในขณะนี้ก็เนื่องมาจากทำเนียบขาวต้องการความชัดเจนว่า แนวทางการทูตจะสำเร็จหรือล้มเหลว เพื่อผลักดันปฏิบัติการทางทหารต่อซีเรียต่อไป
ขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์รายงานเมื่อคืนวันพุธว่า หน่วยข่าวกรองกลางของสหรัฐฯ (ซีไอเอ) ได้จัดส่งอาวุธเบาและกระสุนอื่นๆ ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศจัดส่งพาหนะและอุปกรณ์อื่นๆ ไปให้แก่กบฏซีเรียในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทว่า การดำเนินการดังกล่าวหยุดชะงักในขณะนี้เนื่องจากอเมริกาเกรงว่า ความช่วยเหลือเหล่านั้นอาจไปถึงมือกลุ่มหัวรุนแรงในซีเรียแทน
ที่ปารีส ลอรองต์ ฟาเบียส รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศสกล่าวเมื่อวันพฤหัสฯ ว่า รายงานของคณะตรวจสอบยูเอ็น ซึ่งเข้าไปดูจุดเกิดเหตุบริเวณชานกรุงดามัสกัส น่าจะเผยแพร่ออกมาได้ในวันจันทร์หน้า (16) โดยเขาบอกว่ารายงานนี้จะระบุว่า มีการสังหารหมู่ด้วยอาวุธเคมีในซีเรีย
ขณะเดียวกันก็มีนักการทูตตะวันตกสองคน แสดงความคาดหมายกับสื่อมวลชนว่า รายงานดังกล่าวจะยืนยันข้อกล่าวหาของวอชิงตันว่า มีการใช้ก๊าซซารินที่มีฤทธิ์ทำลายประสาทโจมตีชานเมืองดามัสกัสเมื่อปลายเดือนที่แล้วที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคน
นักการทูตตะวันตกหลายคนสำทับว่า แม้รายงานนั้นจะไม่ได้ชี้ตัวคนผิดตรงๆ แต่บัน คีมุน เลขาธิการใหญ่ยูเอ็น จะพิจารณาว่า ควรระบุชัดเจนหรือไม่ว่า ข้อมูลที่มีอยู่นั้นบ่งชี้ว่า รัฐบาลซีเรียเป็นผู้ใช้อาวุธเคมี