เอเจนซีส์ - กรรมาธิการวุฒิสภาสหรัฐฯ ลงมติสนับสนุนแผนการของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ในการโจมตีอย่างจำกัดต่อซีเรียเมื่อวันพุธ (4) ซึ่งนับเป็นเพียง “ก้าวแรก” บนเส้นทางที่ยังวางใจไม่ได้ก่อนที่รัฐสภาเต็มคณะ จะโหวตแผนลงโทษดามัสกัสในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า ขณะที่รัฐบาลอัสซาดยืนยันจะตอบโต้การโจมตีของต่างชาติเต็มที่ทุกรูปแบบ รวมทั้งจะไม่เปลี่ยนจุดยืนแม้จะเกิด “สงครามโลกครั้งที่ 3” ก็ตาม
แม้ญัตติดังกล่าวที่จำกัดการโจมตีกองกำลังซีเรียในเวลา 60 วัน และอาจขยายเวลาเพิ่มได้อีก 30 วันแต่ต้องหารือกับรัฐสภาก่อน รวมทั้งห้ามใช้กำลังทหารภาคพื้นดินในการบุกซีเรียโดยเด็ดขาดนั้น ได้รับเสียงสนับสนุน 10 ต่อ 7 เสียง ในคณะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์ของสภาสูงหรือวุฒิสภาสหรัฐฯ แต่ก็บ่งชี้ความแตกแยกทางการเมืองอันซับซ้อน เนื่องจากมีสมาชิกเดโมแครตอย่างน้อย 2 คนโหวตคัดค้านแผนดังกล่าวของประธานาธิบดีโอบามาที่มาจากพรรคเดียวกัน
ทำเนียบขาวแสดงความยินดีต่อความคืบหน้านี้ ทว่า เจ้าหน้าที่ในคณะบริหารของประธานาธิบดีบารัค โอบามา มองว่าแม้วุฒิสภาเต็มคณะมีแนวโน้มโหวตญัตตินี้ปลายสัปดาห์หน้า แต่สำหรับสภาผู้แทนราษฎรเชื่อว่าอาจต้องรออีก 2 สัปดาห์ และการอภิปรายน่าจะยืดเยื้อและเผ็ดร้อน
โอบามานั้นประกาศระหว่างการแถลงข่าวในกรุงสตอกโฮล์มในวันแรกที่เยือนสวีเดนเมื่อวันพุธ (4) ว่า การอนุมัติการโจมตีซีเรียไม่ใช่บททดสอบความน่าเชื่อถือของตน แต่เป็นความน่าเชื่อถือของสภาคองเกรส สหรัฐฯ และนานาชาติ
วันเดียวกันนั้นยังถือเป็นวันที่ 2 ของการอภิปรายอย่างดุเดือดเกี่ยวกับภารกิจในซีเรีย โดยนายจอห์น เคร์รี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ, ชัค เฮเกล รัฐมนตรีกลาโหม และ พล.อ.มาร์ติน เดมป์ซีย์ ประธานคณะเสนาธิการร่วม รับบทนำในการ “ขายไอเดีย” ของโอบามา
เคร์รีนำเสนอเหตุผลใหม่ต่อที่ประชุมกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์สภาผู้แทนฯ ว่า กลุ่มหัวรุนแรงที่ต่อสู้กับรัฐบาลซีเรียขณะนี้อาจเข้มแข็งขึ้น หากอเมริกาไม่โจมตีระบอบการปกครองของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด
เคร์รีขยายความว่า ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาสหรัฐฯ ทุ่มเทอย่างหนักในการโน้มน้าวให้ชาติอาหรับและผู้อุปถัมภ์ งดการสนับสนุนทางการเงินหรืออาวุธให้แก่กบฏหัวรุนแรงในซีเรีย แต่ถ้าวอชิงตันไม่ลงโทษอัสซาด มีแนวโน้มว่า ผู้สนับสนุนฝ่ายต่อต้านซีเรียบางกลุ่มอาจอัดฉีดเงินและอาวุธให้กลุ่มกบฏที่แข็งแกร่งที่สุด ไม่ว่ากลุ่มนั้นจะเป็นพวกสุดโต่งหรือไม่ก็ตาม ซึ่งเท่ากับว่า ความพยายามทั้งหมดของอเมริกาในการกวาดล้างพวกหัวรุนแรงตลอดหลายปีที่ผ่านมาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง
หลายวันมานี้เจ้าหน้าที่ในคณะบริหารของรัฐบาลโอบามายังพยายามยืนยันกับสมาชิกรัฐสภาว่า ปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐฯ จะไม่ทำให้สถานการณ์การต่อสู้ในซีเรียลุกลาม และจะไม่ซ้ำรอยกรณีการบุกอิรักและอัฟกานิสถาน
เดมป์ซีย์ยอมรับว่า มีความเสี่ยงที่การโจมตีด้วยขีปนาวุธของอเมริกาอาจทำให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ ที่ส่งผลให้ปฏิบัติการทางทหารยืดเยื้อเกินคาด ดังเช่นปฏิบัติการทิ้งระเบิดในโคโซโวของนาโตที่กินเวลาถึง 78 วัน ทว่า แนวโน้มนั้นลดทอนลงนับจากที่สหรัฐฯ ส่งสัญญาณว่า กำลังวางแผนโจมตีแบบจำกัด นอกจากนี้ เดมป์ซีย์ยังสงวนสิทธิ์ที่อเมริกาจะโจมตีเพิ่มหากอัสซาดตอบโต้แบบยั่วยุ
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ไฟซาล มักดัด รัฐมนตรีช่วยกระทรวงต่างประเทศของซีเรียยืนยันว่า ดามัสกัสจะตอบโต้การโจมตีของต่างชาติทุกวิถีทางและอย่างแข็งกร้าว และรัฐบาลซีเรียจะไม่เปลี่ยนจุดยืน แม้จะเกิด “สงครามโลกครั้งที่ 3” ก็ตาม
ทั้งรัสเซียและอิหร่าน ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของระบอบอัสซาด เตือนว่า การแทรกแซงทางทหารอาจส่งผลเลวร้ายต่อตะวันออกกลางทั้งหมด
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินแห่งรัสเซีย ยังกล่าวหาเคร์รีว่าพูดปดต่อรัฐสภาว่าไม่มีกลุ่มอัลกออิดะห์อยู่ในซีเรีย
ก่อนหน้านั้น ปูตินบอกว่ารัสเซียไม่ได้ปิดทางเลือกในการโจมตีซีเรีย หากได้รับหลักฐานชัดเจนที่พิสูจน์ว่ากองกำลังที่ภักดีต่ออัสซาดเป็นผู้ใช้อาวุธโจมตีนอกกรุงดามัสกัสเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม และหากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่รัสเซียเป็นสมาชิกถาวรที่มีสิทธิ์ยับยั้งมติอนุมัติให้มีการโจมตี
รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศของซีเรียกล่าวถึงประเด็นนี้เช่นกัน โดยแสดงความเชื่อมั่นว่า รัฐบาลมอสโกจะไม่เปลี่ยนจุดยืนในการเป็นพันธมิตรที่สนับสนุนสันติภาพของดามัสกัส
ขณะเดียวกัน ที่กรุงปารีส นายกรัฐมนตรีฌอง-มาร์ก เอโร ของฝรั่งเศส เรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาเมืองน้ำหอมสนับสนุนปฏิบัติการทางทหารต่อซีเรียเพื่อตอบโต้ “การใช้อาวุธเคมีที่รุนแรงและสยดสยองที่สุดในศตวรรษนี้”
รายงานข่าวระบุว่า การอภิปรายในสภาแดนน้ำหอมค่อนข้างดุเดือด แต่ถึงกระนั้นก็เป็นที่ทราบกันดีว่า ประธานาธิบดีฟรองซัวส์ โอลลองด์ แห่งฝรั่งเศสมีอำนาจในการสั่งโจมตีซีเรียได้โดยไม่ต้องขอความเห็นชอบจากสภาก่อน