รอยเตอร์ – ผู้นำคณะกรรมการวุฒิสภาสหรัฐฯด้านความสัมพันธ์ต่างประเทศ บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับร่างมติอนุญาตให้วอชิงตันใช้ปฏิบัติการทางทหารโจมตีซีเรีย โดยได้กำหนดกรอบที่รัดกุมยิ่งกว่าที่ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ได้เสนอมา และจะมีการลงมติในวันนี้(4)
ร่างมติดังกล่าวกำหนดให้สหรัฐฯใช้ปฏิบัติการทางทหารกับซีเรียได้ไม่เกิน 60 วัน และสามารถขอยืดเวลาได้เพียงครั้งเดียวอีกไม่เกิน 30 วัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่เหมาะสม
โอบามา ใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะโน้มน้าวให้สภาคองเกรสหนุนโจมตีซีเรียอย่างจำกัด เพื่อลงโทษรัฐบาลประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด ซึ่งตะวันตกเชื่อว่านำอาวุธเคมีออกมาสังหารพลเรือนตายกว่าพันศพเมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ขณะที่สงครามกลางเมืองซีเรียซึ่งยืดเยื้อมานานถึง 2 ปีครึ่งก็ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 100,000 คน
ร่างมติซึ่งผ่านความเห็นชอบจาก โรเบิร์ต เมเนนเดซ ประธานคณะกรรมการวุฒิสภาด้านความสัมพันธ์ต่างประเทศจากพรรคเดโมแครต และ ส.ว.รีพับลิกัน บ็อบ คอร์เกอร์ ยังห้ามมิให้สหรัฐฯ ส่งทหารภาคพื้นดินเข้าไปในซีเรีย
ประธานาธิบดี โอบามา จะต้องปรึกษากับสภาคองเกรส และส่งร่างยุทธศาสตร์เพื่อการเจรจายุติความขัดแย้งทางการเมืองในซีเรียให้คณะกรรมการวุฒิสภาด้านความสัมพันธ์ต่างประเทศพิจารณา รวมถึงการทบทวนความช่วยเหลือทุกรูปแบบที่วอชิงตันให้แก่กบฏซีเรียด้วย
ทั้งนี้ หาก โอบามา ต้องการยืดเวลาใช้ปฏิบัติการทางทหารต่ออีก 30 วัน จะต้องเสนอคำร้องและชี้แจงความจำเป็นต่อสภาคองเกรสไม่ต่ำกว่า 5 วันก่อนที่มติโจมตี 60 วันจะหมดอายุลง
“เราได้บรรลุร่างมติซึ่งจะช่วยให้ท่านประธานาธิบดีได้รับอำนาจที่จำเป็นต่อการใช้ปฏิบัติการทางทหาร เพื่อตอบโต้รัฐบาล อัสซาด ที่ใช้อาวุธเคมีกับประชาชน แต่ขณะเดียวกันก็เป็นร่างมติที่มีขอบเขตและเป้าประสงค์ที่แน่นอน, มีระยะเวลาที่จำกัด และรับรองว่ากองทัพสหรัฐฯจะไม่ส่งทหารแนวหน้าเข้าไปปฏิบัติการสู้รบในซีเรีย” เมเนนเดซ ระบุในถ้อยแถลง
คณะกรรมการวุฒิสภาด้านความสัมพันธ์ต่างประเทศจะโหวตร่างมติดังกล่าวในวันนี้(4) จากนั้นจะส่งให้วุฒิสภาพิจารณาและลงคะแนนโหวตหลังวันที่ 9 กันยายน
ทั้งนี้ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ก็จะต้องออกร่างมติโจมตีซีเรียเช่นกัน จากนั้นจะมีการนำมติจากทั้ง 2 สภามาพิจารณาและทบทวนเงื่อนไขต่างๆจนเป็นที่พอใจทุกฝ่าย ก่อนส่งให้ประธานาธิบดี โอบามา ลงนามรับรองในขั้นสุดท้าย