รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - วันเสาร์ (31) ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ เปลี่ยนใจเล่นตามอังกฤษ โดยประกาศจะใช้กำลังทหารถล่มซีเรียก็ต่อเมื่อรัฐสภาคองเกรสของสหรัฐฯ อนุมัติ ในขณะที่ เดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษทวีตสนับสนุนทันทีหลังคำประกาศ โดยสัปดาห์ก่อนหน้านั้นสหรัฐฯ รับรู้ว่ารัฐสภาอังกฤษไม่ยอมลงมติให้รัฐบาลของเดวิด คาเมรอนใช้กำลังปฏิบัติการทางทหารจัดการซีเรียในการที่รัฐบาลซีเรียใช้อาวุธเคมีต่อประชาชน
ถึงแม้จะเชื่อกันว่าประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ที่มีตำแหน่งเป็นถึงจอมทัพจะสามารถออกคำสั่งโจมตีซีเรียได้โดยไม่ต้องฟังเสียงสภาคองเกรส แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากที่รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีอังกฤษของเดวิด คาเมรอนไม่ประสบความสำเร็จที่กล่อมให้รัฐสภาอังกฤษอนุญาตใช้กำลังทหารเข้าโจมตีซีเรีย ทำให้เกิดปฎิกริยาหมุนกลับ 360 องศาของสหรัฐฯ โดยในวันเสาร์ (31) ที่ผ่านมา โอบามาประกาศจะใช้กำลังทางทหารกับซีเรีย “ก็ต่อเมื่อรัฐสภาคองเกรสอนุญาตแล้วเท่านั้น”
โดยโอบามากล่าวว่า เขายังมุ่งมั่นที่จะใช้กำลังทหารโจมตีซีเรียต่อไป แต่ไม่จนกว่ารัฐสภาสหรัฐฯ จะลงมติอนุญาต ถึงแม้ตามหลักการแล้ว ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ สามารถออกคำสั่งโจมตีซีเรียได้โดยไม่ต้องฟังเสียงสภาคองเกรส แต่การที่โอบามาต้องการให้รัฐสภาคองเกรสมีร่วมการตัดสินใจในครั้งนี้ ดูเหมือนต้องการถ่วงเวลาการตัดสินใจให้นานออกไปและไม่ต้องการให้สหรัฐฯต้องติดหล่มในสงคราม
ในขณะเดียวกันนั้นเอง กองทัพซีเรียได้เริ่มโจมตีชานเมืองกรุงดามัสกัสที่กลุ่มกบฎได้เข้ายึดอีกครั้ง 2 นาทีให้หลังจากที่โอบามาได้จบคำแถลงการข่มขู่ซีเรียที่จะใช้ปฏิบัติการทางอากาศเข้าโจมตี โดยการสู้รบระหว่างกองทัพซีเรียและกลุ่มกบฏได้หยุดพักลง 5 ชั่วโมงก่อนหน้านั้น
โดยทางกองทัพของประธานาธิบดีซีเรีย บาชาร์ อัล-อัสซาด ได้เพิ่มความเข้มข้นโจมตีไปที่บริเวณอาเลปโป ที่อยู่ทางตอนเหนือของซีเรีย แต่ตามท้องถนนในกรุงดามัสกัส ประชาชนที่ต่อต้านอัสซาดที่ได้ทราบข่าวการตัดสินใจของโอบามาได้แสดงอาการโกรธและไม่เชื่อว่า การแทรกแทรงจากสหรัฐฯจะไม่เกิดขึ้นในเร็ววันนี้
ถ้อยแถลงของโอบามาจากโรสการ์เดนในทำเนียบขาว โดยโอบามาได้เอ่ยถึงเดวิด คาเมรอน ที่ได้ตัดสินใจให้รัฐสภาอังกฤษตัดสินใจอนุญาตใช้กำลังทหารในการโจมตีซีเรีย และชี้ต่อไปว่าอังกฤษและอเมริกาเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกัน
โดยภายหลังจากที่โอบามาจบคำแถลง ท่ามกลางความโล่งอกของฝั่งอังกฤษที่ไม่ต้องการให้ประเทศติดหล่มในสงคราม โดยคาเมรอนได้แถลงผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวทันทีว่า “ผมเข้าใจและสนับสนุนการตัดสินใจของบารัค โอบามา ต่อท่าทีในสงครามซีเรีย” ซึ่งแหล่งข่าวใกล้ชิดคาเมรอนเปิดเผยว่า “เรารู้สึกยินดีที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตัดสินใจที่ให้สภาคองเกรสลงมติสนับสนุน มันเป็นการช่วยแก้ข้อกล่าวหาให้กับนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน” โดยก่อนหน้านี้คาเมรอนถูกสื่อในอังกฤษวิพากษ์อย่างหนักถึงการตัดสินใจที่ผิดพลาดในการสนับสนุนอเมริกาเพื่อจะใช้กำลังทางทหารสั่งสอนรัฐบาลอัสซาดหลังจากที่มีการสังหารหมู่โดยการใช้อาวุธเคมีใกล้กรุงดามัสกัส จากรายงานข่าวกรองสหรัฐฯ พบว่าประชาชนซีเรีย 1,429 คน รวมถึงเด็กนับหลายร้อยรายได้ถูกสังหารด้วยอาวุธเคมีในวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา
ทางด้านรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน กล่าวสนับสนุนการถอยหลังกลับในครั้งนี้ว่า ทั้งโอบามาและเขายังยืนยันว่าปฎิบัติการโจมตีทางทหารกับซีเรียยังเป็นสิ่งจำเป็น และสหรัฐฯ ไม่ต้องรอหลักฐานจากยูเอ็นในการพิสูจน์การใช้อาวุธเคมีของรัฐบาลซีเรียแต่อย่างใด แต่ทว่าการที่สหรัฐฯ ดำเนินตามหลังอังกฤษที่ใช้รัฐสภามาสนับสนุนการออกปฎิบัติการทหารครั้งนี้เป็นเพราะ “หลายคนคัดค้านไม่ให้เราเอาเรื่องนี้เข้าสู่สภาเพราะมันอาจจะเหมือนกับที่เกิดกับมหามิตรที่ใกล้ชิดอย่าง “อังกฤษ” ที่ไม่ประสบความสำเร็จที่ทำให้รัฐสภาของพวกเขาออกเสียงสนับสนุนถึงแม้ว่านายกรัฐมนตรีจะยืนยันก็ตาม ถึงแม้ว่าผมจะรู้ดีว่ารัฐบาลสหรัฐฯ สามารถดำเนินการเองได้โดยไม่ต้องฟังเสียงรัฐสภาคองเกรส แต่ทว่าประเทศของเราจะเข้มแข็งขึ้นมากหากเราจะดำเนินตามแนวทางประชาธิปไตย”
ด้านสื่อในอิสราเอลรายงานว่า เป็นเพราะสหรัฐฯ มีค่าใช้จ่ายในสงครามอิรัก และอัฟกานิสถาน ทำให้ทั้งโอบามาและจอห์น เคอร์รี ต่างรู้สึกกังวลที่จะให้สหรัฐฯ เริ่มสงครามซีเรียอย่างเต็มตัว โดยทั้งคู่ย้ำว่าประชาชนอเมริกันเบื่อหน่ายกับสงครามและจะไม่ส่งทหารอเมริกันไปรบที่ซีเรียแน่นอน
โดยจากโพลล่าสุดของรอยเตอร์และIpsos ชี้ว่า มีชาวอเมริกันแค่ 20% ที่ต้องการให้สหรัฐฯใช้ปฎิบัติการทางทหารสั่งสอนซีเรีย