เอเอฟพี/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-ชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นมีกำหนดเดินทางเยือนภูมิภาคตะวันออกกลางในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ถือเป็นความพยายามล่าสุดของอาเบะในการส่งเสริมการส่งออกเทคโนโลยีนิวเคลียร์ แม้ญี่ปุ่นเองจะยัง “แก้ปัญหาไม่ตก” เรื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมา ไดอิจิที่ยังคงมีการรั่วไหลของกัมมันตภาพรังสีในรูปแบบต่างๆอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เหตุแผ่นดินไหว-สึนามิเมื่อเดือนมีนาคมปี 2011
รายงานข่าวระบุว่า อาเบะมีกำหนดเดินทางออกจากกรุงโตเกียวในวันเสาร์ (24) เพื่อเริ่มภารกิจเยือนบาห์เรน คูเวต และกาตาร์ในภูมิภาคตะวันออกกลาง รวมถึง ฌิบูติในทวีปแอฟริการวม 6 วัน เพื่อหาทางส่งออกองค์ความรู้ด้านพลังงานนิวเคลียร์ของญี่ปุ่น
ขณะที่เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศของญี่ปุ่นรายหนึ่งเผยว่า กาตาร์และคูเวตได้แสดงความสนใจอย่างมากต่อเทคโนโลยีความปลอดภัยทางนิวเคลียร์ของญี่ปุ่น แต่ทั้งสองประเทศยังมีความกังวลต่อความเป็นไปได้ที่จะเกิดอุบัติเหตุนิวเคลียร์รวมถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นยังคงเดินหน้าผลักดันการส่งออกเทคโนโลยีด้านพลังงานนิวเคลียร์ของตนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างรายได้ทางด้านนี้ให้ได้ตามเป้าหมายที่ 35 ล้านล้านเยนต่อปีภายในปี 2020 แม้จะยังไม่สามารถหาทางยุติวิกฤตการรั่วไหลของกัมมันตภาพรังสีที่โรงไฟฟ้าฟูกูชิมา ไดอิจิที่ยืดเยื้อมานานเกินกว่า 2 ปีได้ ขณะที่ล่าสุดก็เพิ่งตรวจพบการรั่วไหลของน้ำที่ปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีในระดับเข้มข้นกว่า 300 ตันจากถังเก็บในโรงไฟฟ้าดังกล่าว
นอกจากนั้น ญี่ปุ่นยังต้องปิดทำการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั่วประเทศกว่า 50 แห่ง หลังจากเกิดวิกฤตความไม่เชื่อมั่นในพลังงานนิวเคลียร์อย่างเลวร้าย จนญี่ปุ่นต้องหันไปพึ่งพาการนำเข้าพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลโดยเฉพาะจากภูมิภาคตะวันออกกลาง
ก่อนหน้านี้ อาเบะซึ่งมีจุดยืนสนับสนุนการใช้พลังงานนิวเคลียร์ได้เดินทางไปเยือนตุรกีเมื่อเดือนพฤษภาคมเพื่อลงนามในข้อตกลงสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ริมชายฝั่งทะเลดำของตุรกีมาแล้วเช่นกัน