เอเอฟพี - บันคีมูน เลขาธิการสหประชาชาติ ระบุในวันพุธ(14)ว่าตนเองเริ่มมีความหวังในความพยายามสานสัมพันธ์สองชาติเกาหลี เมื่อเปียงยางและโซล บรรลุข้อตกลงในการกลับมาเปิดปฏิบัติการเขตอุตสาหกรรมร่วมแกซอง หลังต้องปิดไปนานหลายเดือนจากความบาดหมางระหว่างสองประเทศ
เขตอุตสาหกรรมแกซองต้องปิดปฏิบัติการนับตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นมา ท่ามกลางความตึงเครียดสูงสุดบนคาบสมุทรเกาหลี ตามหลังการทดสอบนิวเคลียร์รอบ 3 ของเกาหลีเหนือ อันจุดชนวนมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ที่หนักหน่วงของสหประชาชาติ
ในถ้อยแถลงของยูเอ็น เลขาธิการสหประชาชาติบอกว่าข้อตกลงที่บรรลุเมื่อวันพุธ(14) สำหรับการกลับมาเปิดดำเนินการของเขตอุตสาหกรรมร่วมคือพัฒนาการที่เป็นบวก และนายบัน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าปฏิบัติการที่เขตอุตสาหกรรมจะคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้และจะไม่เผชิญเหตุติดขัดอีกในอนาคต
"ท่านเลขาธิการยังหวังด้วยว่าการกลับคืนสู่ปฏฺบัติการของเขตอุตสาหกรรมแกซองจะเป็นเครื่องส่งเสริมมาตรการที่เป็นรูปเป็นร่างอื่นๆ สำหรับสร้างความไว้ใจซึ่งกันและกัน และสนับสนุนความสัมพันธ์ระหว่างสองชาติเกาหลี" ถ้อยแถลงของสหประชาชาติระบุ
ก่อนหน้านี้ในวันพุธ(14) เกาหลีหนือและเกาหลีใต้ บรรลุข้อตกลงในการทำงานร่วมกันเพื่อเปิดเขตอุตสาหกรรมแกซองอีกครั้ง หลังถูกปิดมาตั้งแต่เดือนเมษายน ท่ามกลางความตังเครียดทางทหาร และประกาศป้องกันไม่ให้เหตุปิดเขตอุตสาหกรรมเกิดขึ้นซ้ำรอยอีก
อย่างไรก็ตามทั้งสองฝ่ายยังล้มเหลวในการกำหนดวันที่แน่นอนของการกลับมาเปิดปฏิบัติการที่เขตอุตสาหกรรมแกซอง โดยทางฝั่งเกาหลีใต้ก็ยังแสดงท่าทีระมัดระวังแม้มีการแถลงถึงข้อตกลงดังกล่าวไปแล้วก็ตาม "ข้อตกลงนี้ไม่ใช่จุดยุติ แต่มันเป็นเพียงแค่การเริ่มต้น" นายคิม คี-หว่อง หัวหน้าผู้แทนเจรจาของเกาหลีใต้ บอกกับผู้สื่อข่าว "สิ่งสำคัญที่สุดคือทั้งสองชาติเกาหลีจะนำข้อตกลงนี้ไปปฏิบัติอย่างไร เราไม่สามารถแสดงความมั่นใจได้จนกว่า แกซองจะกลับมาปิดปฏิบัติการแล้วจริงๆ"
กระนั้นก็ตามนักวิเคราะห์มองว่าข้อตกลงนี้คือการฟันฝ่าอุปสรรคที่เป็นรูปเป็นร่างอย่างมาก หลังจากการเจรจา 6 รอบก่อนหน้านี้ยุติลงด้วยการกล่าวโทษกันไปมา ขณะเดียวกันมันยังช่วยลดความตึงเครียด ก่อนหน้าเกาหลีใต้และสหรัฐฯจะซ้อมรบร่วมในวันจันทร์หน้า ซึ่งทางเกาหลีเหนือเคยเตือนว่ามันจะนำพาคาบสมุทรเกาหลี "เข้าสู่ขอบเหวแห่งสงคราม" ส่วน ปักกึนเฮ ประธานาธิบดีโซล หวังว่าข้อตกลงนี้จะเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นสำหรับสานสัมพันธ์ครั้งใหม่
ในข้อตกลงนี้จะมีการจัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วมเพื่อตรวจสอบกระบวนการคืนปฏฺบัติการของเขตอุตสาหกรรมแกซอง ที่มีโรงงานของเกาหลีใต้อยู่มากถึง 123 แห่ง ขณะเดียวกันคณะกรรมาธิการร่วมนี้จะร่วมพิจารณาจ่ายเงินชดเชยสำหรับความสูญเสียทางเศรษฐกิจใดๆ
กระบวนการผลิตที่เขตอุตสาหกรรมแกซอง ซึ่งตั้งอยู่ลึกเข้าไปภายในพรมแดนเกาหลีเหนือราว 10 กิโลเมตร ต้องหยุดชะงักลง หลังเปียงยางถอนคนงานทั้งหมดกว่า 53,000 คน ออกจากโรงงาน 123 แห่งที่มีเจ้าของเป็นตนเกาหลีใต้เมื่อเดือนเมษายน ขณะที่การเจรจาหวังกลับมาเปิดดำเนินการที่ผ่านๆมานั้นล้วนถูกบดบังด้วยเหตุสาดโคลนกันไปมาว่าใครควรรับผิดชอบต่อเหตุปิดแกซอง
ข้อตกลงเมื่อวันพุธ(14) บ่งชี้ถึงท่าทีประนีประนอมขึ้น ด้วยเกาหลีเหนือยอมรับว่าเป็นผู้ถอนคนงานออกมาจนทำให้แกซองต้องปิดดำเนินงาน และทั้งสองฝ่ายให้คำมั่นว่าจะไม่มีเหตุการณ์ซ้ำรอยเกิดขึ้นอีกในอนาคต นอกจากนี้ทั้งโซลและเปียงยาง ยังสัญญาสนับสนุนการลงทุนของต่างชาติในแกซอง อันเป็นข้อเรียกร้องหลักของเกาหลีใต้
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เกาหลีเหนือเสนอจัดเจรจารอบที่ 7 ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากโซล แจ้งว่ากำลังเริ่มจ่ายเงินชดเชยแก่นักธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเขตอุตสาหกรรม ด้วยวงเงินรวมกว่า 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ความเคลื่อนไหวนี้ถูกมองว่าอาจเป็นก้าวย่างแรกของการถอนตัวออกจากแกซองอย่างถาวร
อนึ่งการซ้อมรบร่วมเกาหลีใต้-สหรัฐฯ "Ulchi Freedom Guardian" ที่มีขึ้นระหว่างวันที่ 19 ถึง 30 สิงหาคม จะประกอบด้วยกำลังพล 50,000 นายของฝั่งโซลและ30,000 นายของอเมริกา และการซ้อมรบจะเป็นการจำลองสถานการณ์เกาหลีเหนือรุกราน
แม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นการฝึกผ่านระบบแบบจําลองทางคอมพิวเตอร์ แต่การซ้อมรบครั้งนี้ถูกเกาหลีเหนือมองว่าเป็นการยั่วยุอย่างรุนแรง และเคยออกมาเตือนก่อนหน้านี้ว่ามันจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพในคาบสมุทรเกาหลี "หากการซ้อมรบเกิดขึ้น สถานการณ์ของภูมิภาคจะคาดเดาไม่ได้และลุกลามสู่ปากเหวแห่งสงคราม" โรดอง ชินมุน หนังสือพิมพ์ของพรรครัฐบาลเกาหลีเหนือระบุเมื่อเดือนที่แล้ว
