เอเจนซีส์ – กลุ่มคนร้ายที่คาดว่าเป็นพวกอิสลามิสต์หัวรุนแรง แต่งกายชุดพรางของทหารบุกเข้าไปในมัสยิดแห่งหนึ่งทางตะวันออกเฉียงเหนือของไนจีเรีย แล้วกราดยิงชาวมุสลิมที่กำลังละหมาดเสียชีวิต 44 คน พร้อมกันนี้ยังโจมตีหมู่บ้านใกล้เคียง ทำให้มีผู้เสียชีวิตอีก 12 คน ในเวลาใกล้เคียงกันนั้น ผู้นำของกลุ่มหัวรุนแรงที่ต้องสงสัยว่าเป็นผู้ก่อเหตุคราวนี้ ยังได้ส่งคลิปถึงนักข่าว ประกาศเปิดการโจมตีต่อเนื่อง พร้อมอวดอ้างว่ากองกำลังของตนเข้มแข็งและไม่หวั่นเกรงอเมริกาแม้แต่น้อย
การโจมตีที่เกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (11 ส.ค.) เป็นเหตุรุนแรงครั้งล่าสุดซึ่งเกิดขึ้นในประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายสำคัญที่ตั้งอยู่ทางแอฟริกาตะวันตกแห่งนี้ โดยที่กลุ่มมุสลิมเคร่งจารีตต้องสงสัยเป็นผู้ก่อเหตุ ซึ่งได้แก่ กลุ่มโบโก ฮาราม นั้น เป็นพวกที่มีเป้าหมายโค่นล้มรัฐบาลและประกาศใช้กฎหมายอิสลาม พวกเขาถือเป็นภัยคุกคามความมั่นคงหนักหน่วงที่สุดในปัจจุบัน โดยนับจากปี 2009 ที่ขบวนการหัวรุนแรงนี้ลุกฮือขึ้นมา ได้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 3,600 คน ทั้งนี้รวมถึงผู้ที่ตายด้วยฝีมือของกองกำลังความมั่นคงของรัฐบาลที่ถูกกล่าวหาเช่นกันว่า ใช้อำนาจโดยมิชอบอย่างมโหฬาร
เหตุโจมตีมัสยิดคราวนี้เกิดขึ้นเมื่อเช้าวันอาทิตย์ในเมืองคอนดูกา รัฐบอร์โน ซึ่งเป็น 1 ใน 3 รัฐทางตะวันออกเฉียงเหนือที่ประกาศภาวะฉุกเฉินมาตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม เพื่อต่อสู้กับกลุ่มหัวรุนแรง โบโก ฮาราม ที่เข้ายึดครองเมืองและหมู่บ้านหลายแห่งทางตะวันออกเฉียงเหนือของไนจีเรีย ประเทศที่มีประชากรกว่า 160 ล้านคนโดยชนส่วนใหญ่ทางภาคเหนือเป็นชาวมุสลิม ส่วนทางตอนใต้ทคนส่วนมากเป็นชาวคริสต์
สายผู้หนึ่งของสำนักงานความมั่นคงแห่งรัฐ และ อุสมาน มูซา สมาชิกกลุ่มกองกำลังอาสาสมัครติดอาวุธที่ปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับกองทัพ ระบุเมื่อวันจันทร์ (12) ว่า พวกเขาพบร่างผู้เสียชีวิต 44 รายในมัสยิดที่ถูกโจมตี โดย 4 รายเป็นสมาชิกสังกัดกองกำลังของเขา ซึ่งได้ยิงต่อสู้กับกลุ่มหัวรุนแรงที่ใช้อาวุธหนักติดตั้งบนหลังรถกระบะ นอกจากนี้ยังมีคนเจ็บอีก 26 คนถูกนำส่งโรงพยาบาลจากบาดแผลถูกยิง
มูซาเสริมว่าพวกที่เข้าโจมตีสวมชุดพรางเหมือนทหารไนจีเรีย ซึ่งอาจได้มากจากการโจมตีค่ายทหารก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ระหว่างเดินทางกลับจากคอนดูกา กองกำลังความมั่นคงยังพบหมู่บ้านแห่งหนึ่งในเขตมาฟาที่อยู่ใกล้ๆ กัน ก็ถูกโจมตีเช่นกันและมีพลเรือนเสียชีวิต 12 คน
ขณะที่เจ้าหน้าที่อาวุโสของรัฐบาลผู้หนึ่งบอกว่า ผู้ก่อเหตุครั้งนี้น่าจะเป็นสมาชิกกขบวนการโบโก ฮาราม ที่ต้องการแก้แค้นกลุ่มอาสาสมัครระวังภัยของชาวบ้านซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อแจ้งเบาะแสอันจะนำไปสู่การจับกุมกวาดล้างสมาชิกขบวนการอิสลามิสต์หัวรุนแรงกลุ่มนี้
การโจมตีคราวนี้บังเกิดขึ้นในเวลาใกล้เคียงกับที่ผู้สื่อข่าวได้รับวิดีโอคำแถลงของอาบูบาการ์ ชีโก ผู้นำโบโก ฮาราม ที่ขู่จะเปิดการโจมตีต่อเนื่อง พร้อมอวดอ้างว่า กลุ่มของตนเข้มแข็งกว่ากองกำลังของรัฐบาลไนจีเรีย และสามารถเผชิญหน้ากับอเมริกาได้อย่างสบายๆ
ชีโกสำทับว่า กองทัพของรัฐบาลไนจีเรียนั้นลวงโลก โดยกุข่าวว่าสามารถสังหารสมาชิกโบโก ฮารามได้มากมาย ทั้งที่จริงๆ แล้ว โบโก ฮารามต่างหากที่ไล่ฆ่าทหาร ชีโกยังท้าทายประธานาธิบดีบารัค โอบามา และประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลลองด์ ผู้นำฝรั่งเศส รวมทั้งนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอล ว่าไม่สามารถต่อกรกับตนได้อย่างแน่นอน
ผู้นำโบโก ฮารามยังอ้างอิงถึงการโจมตีค่ายทหารในมาลาม ฟาโตรี และศูนย์บัญชาการตำรวจในบามา ซึ่งอยู่ใกล้ชายแดนไนจีเรียติดกับคาเมรูนทั้งสองแห่ง เมื่อวันที่ 4 ที่ผ่านมา ซึ่งพันโทซากีร์ มูซา โฆษกกองกำลังเฉพาะกิจร่วมของไนจีเรีย เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า กลุ่มหัวรุนแรง 32 คน ทหาร 2 นาย และตำรวจอีก 1 นายเสียชีวิต แต่พลตรีจาห์ เอวานเซียห์ กลับรายงานต่อผู้ว่าการรัฐบอร์โนว่า มีทหาร 12 นาย และตำรวจ 7 นายเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว
ทั้งนี้ กองทัพไนจีเรียมักรายงานตัวเลขความสูญเสียของพลเรือนและทหารต่ำกว่าความเป็นจริง
นอกจากนั้น กองทัพยังสั่งการให้ตัดบริการอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือในบอร์โน เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารของกลุ่มหัวรุนแรง ทว่า เจ้าหน้าที่รัฐบาลบางคนค้านว่า การขาดช่องทางสื่อสารทำให้พลเรือนไม่สามารถแจ้งความเคลื่อนไหวที่น่าสงสัย รวมถึงขอความช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุโจมตีได้
ทางด้านอเมริกานั้นประกาศว่า ผู้นำโบโก ฮารามเป็นผู้ก่อการร้ายระดับโลก และตั้งค่าหัว 7 ล้านดอลลาร์ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา