xs
xsm
sm
md
lg

Weekend Focus:อังกฤษได้รัชทายาทอันดับ 3 ชาวผู้ดีสุดปลื้มปีติ “เจ้าชายจอร์จแห่งเคมบริดจ์”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปฏิเสธไม่ได้ว่า หนึ่งในข่าวคราวความเคลื่อนไหวจากต่างประเทศที่มีผู้คนทั่วโลกติดตามจับจ้อง และให้ความสนใจมากที่สุดในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาคือ ข่าวการมีพระประสูติกาลของเคต มิดเดิลตัน หรือเจ้าหญิงแคเธอรีน ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ พระชายาในเจ้าชายวิลเลียม ดยุคแห่งเคมบริดจ์ ที่ให้กำเนิด “เจ้าชายพระองค์น้อย” ที่ถือเป็นองค์รัชทายาทลำดับ 3 แห่งราชวงศ์อังกฤษ


รายงานข่าวจากทั่วโลกระบุตรงกัน ถึงปฏิกิริยาของประชาชนกว่า 63.2 ล้านคนทั่วสหราชอาณาจักร รวมถึงพสกนิกรมากมายซึ่งเดินทางไปรวมตัวกันบริเวณหน้าพระราชวังบักกิงแฮม และต่างแสดงออกถึงความปลื้มปีติหลังสำนักพระราชวังบักกิงแฮมประกาศข่าวมหามงคลที่ว่า อังกฤษมีองค์รัชทายาทลำดับ 3 โดยดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ทรงพระประสูติกาลพระโอรสเมื่อคืนวันจันทร์ (22) และทั้งสองพระองค์ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง ซึ่งในส่วนของพระโอรสองค์น้อยนั้น รายงานข่าวระบุว่ามีน้ำหนักถึง 3.8 กิโลกรัม

“เราคงมีความสุขไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว” เจ้าชายวิลเลียม พระโอรสของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์และเจ้าหญิงไดอานา ตรัส โดยเจ้าชายวิลเลียมที่ทรงอยู่ระหว่างลาพักร้อนประจำปีได้ทรงลาจากการปฏิบัติภารกิจนักบินค้นหา และกู้ภัยของกองทัพอากาศอังกฤษ เพื่อช่วยดูแลพระโอรสน้อยเป็นเวลา 2 สัปดาห์

ขณะที่ เคต มิดเดิลตัน หรือเจ้าหญิงแคเธอรีน ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ ทรงมีพระประสูติกาล 10 ชั่วโมงหลังจากเสด็จถึงปีกลินโดของโรงพยาบาลเซนต์ แมรี กลางกรุงลอนดอน พร้อมกับเจ้าชายวิลเลียม พระสวามี โดยมีข้อมูลว่า เจ้าหญิงไดอานา ก็ทรงให้กำเนิดเจ้าชายวิลเลียมในอาคารส่วนนี้เช่นเดียวกันเมื่อ ปี 1982


สถานที่สำคัญต่างๆ ทั่วสหราชอาณาจักร เช่น ลอนดอนอาย และบีที ทาวเวอร์ ต่างพร้อมใจกันติดไฟสีแดง ขาว และน้ำเงิน เพื่อร่วมเฉลิมฉลองพระประสูติกาลของพระโอรสพระองค์น้อย โดยมีการยิงสลุตทั่วลอนดอนในวันอังคาร (23) ขณะที่หนังสือพิมพ์ทุกฉบับของเมืองผู้ดีต่างประกาศข่าวนี้บนหน้าหนึ่งอย่างครึกโครม และหลายฉบับพาดหัวด้วยคำสั้นๆ ว่า “SON” ซึ่งหมายถึง “พระโอรส”


ด้านมาร์คัส เซ็ตเชลล์ สูตินรีแพทย์ประจำพระองค์สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 และเป็นหัวหน้าทีมแพทย์ทำคลอดให้เจ้าหญิงเคต ออกมาเปิดเผยว่า “พระโอรสน้อยทรงมีพระสิริโฉมงดงามมาก” ซึ่งเป็นข่าวที่ช่วยคลายความกังวลแก่บรรดาพสกนิกรที่รอติดตามข่าวด้วยใจกระวนกระวายมานาน เนื่องจาก พระโอรสน้อยทรงประสูติช้ากว่าที่หลายฝ่ายคาดไว้ กระตุ้นให้เกิดการคาดเดาต่างๆ นานา รวมถึง ความร้อนรนของกองทัพสื่อหลายร้อยชีวิตจากทั่วทุกมุมโลกที่เฝ้ารออยู่นอกโรงพยาบาลมานาน ถึง 3 สัปดาห์


การประสูติของพระโอรสน้อยและพระราชวงศ์อังกฤษรุ่นใหม่ถือเป็นประเด็นร้อน นับตั้งแต่ที่เจ้าชายวิลเลียมทรงอภิเษกสมรสกับเคต มิดเดิลตัน ในปี 2011 หลังจากบ่มเพาะความรักกันมานานถึงสิบปีเต็ม และทั้งสองพระองค์ทรงได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง และถูกคาดหมายว่า จะช่วยฟื้นฟูภาพลักษณ์ของ “เดอะ เฟิร์ม” หรือราชวงศ์อังกฤษ หลังเผชิญเรื่องอื้อฉาวมาหลายทศวรรษ รวมทั้ง “การสิ้นพระชนม์อย่างมีเงื่อนงำ” ของเจ้าหญิงไดอานา พระมารดาของเจ้าชายวิลเลียมในอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อปี 1997

การประสูติของเจ้าชายน้อยซึ่งต่อมาได้รับการขนานพระนามว่าเจ้าชาย “จอร์จ อเล็กซานเดอร์ หลุยส์” หรือ “เจ้าชายจอร์จแห่งเคมบริดจ์” ส่งผลให้ชาวอังกฤษที่จงรักภักดีต่อราชวงศ์ ต่างตื่นเต้นยินดีกับเจ้าชายองค์ใหม่ซึ่งเป็นพระปนัดดาองค์ที่ 3 ของสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 และถือเป็นรัชทายาทอันดับ 3 ของราชวงศ์อังกฤษต่อจากเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ มกุฎราชกุมารแห่งเวลส์ และพระโอรสองค์โต เจ้าชายวิลเลียม ดยุคแห่งเคมบริดจ์ ซึ่งเป็นพระบิดาของเจ้าชายน้อย


การถือกำเนิดของเจ้าชายจอร์จยังมีผลทำให้สหราชอาณาจักรไม่จำเป็นต้องเร่งรีบร่างกฎหมายฉบับใหม่ ที่จะประกาศใช้ ใน 16 ชาติเครือจักรภพ ซึ่งกำหนดว่า พระธิดาของสมาชิกราชวงศ์ไม่จำเป็นต้องสละสิทธิ์ในการสืบทอดราชบัลลังก์ ให้แก่พระอนุชาอีกด้วย

ในอีกด้านหนึ่ง การตัดสินพระทัยของดยุคและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ในการขนานพระนามของโอรสพระองค์น้อยว่า “จอร์จ อเล็กซานเดอร์ หลุยส์” ยังมีความสอดคล้องอย่างมิได้ตั้งใจ กับข้อมูลของบรรดาบริษัทรับพนันถูกกฏหมายในอังกฤษในช่วงก่อนหน้านี้ที่ระบุว่า พระนามที่ได้รับความนิยมสำหรับว่าที่กษัตริย์อังกฤษในอนาคต คือ “จอร์จ” และ “เจมส์”

ขณะเดียวกัน โหรในอังกฤษระบุว่า เจ้าชายน้อยทรงอยู่ในราศีกรกฎ เช่นเดียวกับพระบิดาและพระอัยยิกาของพระองค์ซึ่งเท่ากับเป็นการบ่งชี้ว่า เจ้าชายจอร์จแห่งเคมบริดจ์ จะทรงเติบโตขึ้นเป็นผู้นำที่เข้มแข็งในอนาคต


สำหรับปฏิกิริยาของบรรดาผู้นำสำคัญๆนั้น นายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอน แถลงจากหน้าทำเนียบบนถนนดาวนิงสตรีทว่า การประสูติของเจ้าชายน้อยเป็น “ข่าวดีอย่างยิ่ง” และเป็นช่วงเวลาสำคัญแห่งการเฉลิมฉลองสำหรับอังกฤษ หนึ่งในชาติสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 6 ของโลก

ส่วนที่สหรัฐฯ ประธานาธิบดี บารัค โอบามา และ มิเชลล์สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ต่างแสดงความปรารถนาดีให้เจ้าชายวิลเลียม และเจ้าหญิงเคต ทรงพระเกษมสำราญกับบทบาทพระบิดาและพระมารดา และเสริมว่า พระโอรสน้อยทรงประสูติในช่วงเวลาที่เป็นโอกาสอันดีสำหรับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร

ด้านนายกรัฐมนตรี เควิน รัดด์ แห่งออสเตรเลีย กล่าวว่านี่เป็นวันแห่งความสุขอย่างแท้จริง สำหรับมวลมิตรของออสเตรเลียในอังกฤษและเครือจักรภพ





ทายาทน้อยองค์แรกของเจ้าชายวิลเลียม และเจ้าหญิงเคตแห่งราชวงศ์อังกฤษกำลังทรงกลายเป็นหนึ่งในทารกที่โด่งดังที่สุดในโลกไปแล้ว เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าพระองค์จะทรงต้องเผชิญชีวิตที่ถูกเฝ้าจับตา ชนิดที่เชื้อพระวงศ์พระองค์อื่นไม่เคยพบมาก่อน ซึ่งนับเป็น “บททดสอบสุดหิน” สำหรับพระบิดาและพระมารดา ที่ทรงมีพระประสงค์จะให้ พระโอรสมีชีวิตที่เหมือนเด็กทั่วๆไป โดยเฉพาะเจ้าหญิงเคตที่เป็น“สามัญชน” คนแรก ที่ได้อภิเษกสมรสกับเจ้าชายที่อยู่ในลำดับต้นๆ ของราชวงศ์ ในรอบกว่า 350 ปี ย่อมโปรดการเลี้ยงดูบุตรในแบบที่ไม่ต้องตกเป็นเป้าสายตาของสาธารณชนมากกว่า

แต่ทั้งนี้ คาดหมายได้ว่า ตั้งแต่เจ้าชายจอร์จ เสด็จออกจากโรงพยาบาล ขณะอยู่ในอ้อมอกพระบิดา และพระมารดา ท่ามกลางสายตาของกองทัพกล้องโทรทัศน์และบรรดาช่างภาพนั้น ชีวิตของพระองค์ก็จะเริ่มออกสู่สายตาสาธารณชนนับแต่นั้น เช่นเดียวกับการต่อสู้อย่างสุดตัวของเจ้าชายเจ้าหญิงแห่งเคมบริดจ์ทั้งสอง เพื่อปกป้องความเป็นส่วน ตัวของทารกน้อยพระองค์นี้ ท่ามกลางความท้าทายสำคัญจากการพัฒนาเทคโนโลยีของโทรศัพท์เคลื่อนที่และอุปกรณ์สื่อสารล้ำสมัยนานาชนิด ที่ส่งผลให้ใครๆ ก็สามารถถ่ายภาพที่คมชัด และทำการเผยแพร่ทั่วโลกผ่านสื่อสังคมออนไลน์ได้ภายใน เวลาไม่กี่วินาที

ดังนั้น สิ่งที่น่าจับตานับจากนี้ คงหนีไม่พ้นความท้าทายที่ว่า เจ้าชายจอร์จแห่งเคมบริดจ์ ซึ่งเป็นรัชทายาทลำดับสาม จะทรงมีชีวิตที่ “ธรรมดา”ตามพระประสงค์ของดยุคและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ ได้มากน้อยเพียงใด

ทั้งนี้ ผลการสำรวจความคิดเห็นซึ่งตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ “สแตนดาร์ดอีฟนิง” เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ระบุว่า มีชาวอังกฤษถึง 7 ใน 10 คนที่คิดว่า การที่จะเลี้ยงดูทายาทองค์น้อยอย่างธรรมดาสามัญนั้นเป็นสิ่งที่ “เป็นไปไม่ได้” และความพยายามใดๆที่เจ้าชายวิลเลียมและเจ้าหญิงเคตทรงตั้งความหวัง ที่จะรักษาความเป็นส่วนตัวของทายาทองค์น้อยไว้นั้น เป็นการต่อสู้ที่ทั้งสองพระองค์จะทรงเป็น “ฝ่ายแพ้ “ อย่างหมดรูป

กำลังโหลดความคิดเห็น