xs
xsm
sm
md
lg

เจ้าหญิงเคตหวัง “ทายาทองค์น้อย” มีชีวิตเหมือนเด็กทั่วไปแม้ “สื่อทั่วโลก” คอยจับตา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - ทายาทน้อยองค์แรกของเจ้าชายวิลเลียม และเจ้าหญิงเคตแห่งราชวงศ์อังกฤษกำลังทรงกลายเป็นหนึ่งในทารกที่โด่งดังที่สุดในโลกไปแล้ว เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าพระองค์จะทรงต้องเผชิญชีวิตที่ถูกเฝ้าจับตาชนิดที่เชื้อพระวงศ์พระองค์อื่นไม่เคยพบมาก่อน ซึ่งนับเป็นบททดสอบสุดหินสำหรับพระบิดาและพระมารดาที่ทรงมีพระประสงค์จะให้พระโอรสมีชีวิตที่เหมือนเด็กทั่วไป

คาดหมายได้ว่า ตั้งแต่เจ้าชายองค์น้อยเสด็จออกจากโรงพยาบาลขณะอยู่ในอ้อมอกของพระบิดาและพระมารดา ท่ามกลางสายตาของกองทัพกล้องโทรทัศน์และบรรดาช่างภาพ ชีวิตของพระองค์ก็จะเริ่มออกสู่สายตาสาธารณชนนับแต่นั้น และการต่อสู้อย่างสุดตัวของเจ้าชายเจ้าหญิงทั้งสองเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของทารกน้อยองค์นี้ก็เช่นเดียวกัน

ความพยายามเช่นนั้นกลายเป็นสิ่งที่ยากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีการพัฒนาเทคโนโลยีของโทรศัพท์มือถือให้ล้ำสมัย จนใครๆ ก็สามารถถ่ายภาพที่คมชัดและเผยแพร่ไปทั่วโลกผ่านสื่อสังคมออนไลน์ได้ภายในเวลาไม่ถึงนาที

“ดิฉันมั่นใจว่าทั้งเจ้าชายวิลเลียม และเจ้าหญิงเคทจะทรงรู้สึกสิ้นหวังในความพยายามเลี้ยงดูทายาทน้อยด้วยวิธีเดียวกับที่พระองค์ทรงถูกเลี้ยงดูมาให้อยู่นอกสายตาสาธารณชนให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” คลอเดีย โจเซฟ นักเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับพระราชสำนักบอกสำนักข่าวรอยเตอร์

เคต ในฐานะ “สามัญชน” คนแรกที่อภิเษกสมรสกับเจ้าชายที่อยู่ในลำดับต้นๆ ของราชวงศ์ ในรอบกว่า 350 ปีที่ผ่านมา ก็ย่อมโปรดการเลี้ยงดูบุตรที่ไม่ต้องตกเป็นเป้าสายตามากกว่าอยู่แล้ว

ขณะที่เจ้าชายวิลเลียม และเจ้าชายแฮร์รี พระอนุชา นั้นทรงมีโอกาสใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่นอกสายตาเหล่าสื่อมวลชน หลังจากที่บรรดานักข่าวในสหราชอาณาจักรต่างตกลงว่าจะไม่เข้าไปรุกล้ำ และสอดส่องชีวิตส่วนตัวของทั้งสองพระองค์ในช่วงปีแรกๆ หลังการประสูติ เว้นเสียแต่ในโอกาสพิเศษ เป็นต้นว่า วันแรกที่เจ้าชายเสด็จไปศึกษา

เจ้าหญิงไดอานา พระมารดาของเจ้าชายทั้งสองซึ่งสิ้นพระชนม์ไปแล้ว ได้ตัดสินใจว่าทั้งสองพระองค์ควรมีโอกาสได้เรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตที่อยู่นอกเหนือพระราชวังและข้าราชบริพาล จึงทรงพาเจ้าชายทั้งสองออกเสด็จเที่ยวนอกรั้ววังบ้าง เป็นต้นว่า พาไปสวนสนุก ที่ทั้งสามพระองค์ทรงเข้าแถวรอขึ้นเครื่องเล่นเหมือนกับสามัญชนคนอื่นๆ

“เจ้าหญิงไดอานาทรงมีพระประสงค์จะให้เจ้าชายวิลเลียมได้สัมผัสทุกแง่มุมของชีวิต” โจเซฟระบุ “พระองค์ทรงพาเจ้าชายเสด็จเยือนคลินิกผู้ป่วยโรคเอดส์ และสถานสงเคราะห์ผู้ไร้บ้าน และนี่อาจจะเป็นสาเหตุที่พระองค์ทรงเติบโตขึ้นมาเป็นผู้มีความสามารถรอบด้าน และมีความสมดุลในชีวิตอย่างทุกวันนี้ และดิฉันแน่ใจว่าพระองค์ก็ทรงตระหนักถึงเรื่องนี้ดี”

“เจ้าหญิงเคตน่าจะทรงมีพระประสงค์ที่จะเลี้ยงดูพระโอรสเช่นเดียวกับที่เจ้าหญิงทรงได้รับการเลี้ยงดูจากพระบิดาและพระมารดาของพระองค์เอง เพราะครอบครัวของพระองค์มีความมั่นคงแน่วแน่ และผูกพันใกล้ชิดกัน”

โอลกา โพเวลล์ พี่เลี้ยงของเจ้าชายวิลเลียมซึ่งเสียชีวิตไปเมื่อปี 2012 และได้เลี้ยงดูพระองค์และเจ้าชายแฮร์รีมานานกว่า 15 ปี จนได้เห็นช่วงเวลาที่พระมารดาของเจ้าชายทั้งสองทรงหย่าร้าง และสิ้นพระชนม์ ได้บรรยายว่าเจ้าชายทรงเหมือนกับเด็กๆ ทั่วไปขนาดไหน

“ถ้าทอดพระเนตรเห็นแอ่งโคลน ทั้งสองพระองค์จะทรงมีพระประสงค์จะกระโดดลงไป และถ้ามีอะไรที่ปีนได้พระองค์ก็ทรงปีนป่ายขึ้นไป” โพเวลให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นไม่นานนักก่อนที่เจ้าชายวิลเลียมจะอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงเคตในปี 2011

“พระบิดาและพระมารดาของเจ้าชายทรงมีพระประสงค์ให้ทั้งสองพระองค์มีช่วงชีวิตวัยเด็กที่ปกติที่สุดเท่าที่จะทรงทำได้”

ทว่า ทารกน้อยซึ่งเป็นรัชทายาทลำดับที่สาม และทายาทสายตรงองค์แรกของราชวงศ์อังกฤษในรอบระยะเวลา 31 ปี โดยเฉพาะเป็นทารกที่เกิดกับบิดามารดาที่ใช้ชีวิตวัยเด็กแตกต่างไปจากชาวอังกฤษทั่วไปด้วย จะทรงมีชีวิตที่ “ธรรมดา” ได้มากแค่ไหน

เจ้าหญิงเคตทรงถูกเลี้ยงดูมาในตระกูลอภิสิทธิ์ชน โดยทรงศึกษาในโรงเรียนเอกชนชั้นนำ ก่อนที่จะเสด็จศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาที่สกอตแลนด์ สถานที่ซึ่งพระองค์มีโอกาสได้พบเจ้าชายวิลเลียม

ส่วนเจ้าชายวิลเลียม พระองค์ทรงศึกษาที่โรงเรียนอีตัน ซึ่งเป็นหนึ่งในสถาบันชั้นนำของสหราชอาณาจักร ที่ถือว่ามีค่าเล่าเรียนแพงที่สุด โดยนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ก็เป็นศิษย์เก่าของโรงเรียนแห่งนี้

อย่างไรก็ตาม โจเซฟเปิดเผยว่าทั้งสองพระองค์ทรงพยายามหลีกเลี่ยงการใช้ชีวิตหรูหรา นับตั้งแต่ได้อภิเษกสมรส โดยทั้งสองได้ประทับเงียบๆ ใกล้บริเวณฐานทัพอากาศทางเหนือของเวลส์ ที่เจ้าชายวิลเลียมทรงรับราชการทหารอยู่ โดยมีคนช่วยทำความสะอาดเพียงแค่คนเดียว แต่ไม่มีข้าราชบริพาร

“ความจริงก็คือ ทั้งสองพระองค์ประทับในกระท่อมที่เวลส์ เสด็จไปโรงภาพยนต์ ซูเปอร์มาร์เก็ต และทรงทำทุกอย่างเหมือนที่เราทำกัน นอกจากนี้ทั้งสองทรงทำอาหารและล้างจานด้วยพระองค์เอง” โจเซฟกล่าว

“เป็นที่ชัดเจนว่าทั้งสองทรงมีพระราชกรณียกิจที่ต้องทำ แต่ในเวลาที่เหลือทั้งเจ้าชายวิลเลียมและเจ้าหญิงเคตก็ทรงพยายามอย่างหนักที่จะใช้ชีวิตให้ธรรมดาที่สุดเหมือนขณะที่ทั้งสองยังทรงศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัย”

ฮิวโก วิกเกอร์ นักประวัติศาสตร์ด้านราชวงศ์ กล่าวว่าคู่สมรสคู่นี้ทรงมีพระประสงค์ที่จะให้พระโอรสทรงมีชีวิตแบบเดียวกัน

“สิ่งที่เราเห็นจากเจ้าชายวิลเลียมและเจ้าหญิงเคต คือ ทั้งสองพระองค์ทรงพยายามใช้ชีวิตแบบธรรมดาที่สุดเท่าที่มันจะเป็นไปได้ ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ผู้คนพากันสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับโลกส่วนตัวของพระองค์” เขากล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์

“คุณแน่ใจได้เลยว่าทั้งสองพระองค์จะทรงเป็นพระบิดาและพระมารดาที่อบอุ่น และจะทรงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเลี้ยงดูพระโอรสให้เติบโตอย่างธรรมดาที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”

“มันจะเป็นเรื่องที่ทั้งสองพระองค์ทรงทำได้ หากสื่อมวลชนเคารพความเป็นส่วนตัวของพระองค์ แต่โชคร้ายที่มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากมายซึ่งชี้ชัดว่าสื่อไม่เคยปฏิบัติเช่นนั้นเลย กระทั่งกับเจ้าชายวิลเลียมและเจ้าหญิงเคต”

ราชวงศ์วินด์เซอร์มิได้ไม่คุ้นเคยกับการถูกสอดส่องจากสื่อมวลชนอย่างดุเดือดและการที่สื่อพากันสนอกสนใจชีวิตสมรสอันล้มเหลวของเจ้าหญิงไดอานา และเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ผู้เป็นพระบิดาของเจ้าชายวิลเลียม และรัชทายาทอันดับหนึ่ง ที่จะขึ้นเป็นกษัตริย์ของราชวงศ์อังกฤษในอนาคต ซึ่งเป็นเหตุการณ์เหล่านี้ที่เกิดขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 90 ก็เป็นตัวอย่างที่ยืนยันให้เห็นกันอยู่แล้ว

ในอดีต รูปแบบการสอดแนมโดยสื่อมวลชนส่วนใหญ่อาศัยกล้องที่สามารถจับภาพในระยะไกล ภาพถูกแอบถ่ายของเจ้าหญิงเคตขณะทรงเปลือยท่อนบนในระหว่างเสด็จประพาสที่ฝรั่งเศสเมื่อปี 2012 เป็นสิ่งซึ่งทำให้พระราชสำนักต่างรู้สึกกังวล

สำหรับเจ้าชายวิลเลียมและเจ้าหญิงเคต ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีนั้นย่อมหมายถึง ใครก็ได้ที่มีโทรศัพท์มือถือล้วนสามารถคุกคามชีวิตส่วนพระองค์ได้ทั้งสิ้น

“รูปแบบใหม่ของสื่อ อย่างเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ หรืออะไรก็แล้วแต่ เป็นการแทรกแซงชีวิตส่วนตัวของทุกคนอย่างร้ายแรงที่สุด ยิ่งสำหรับสมาชิกของราชวงศ์ มันไม่ง่ายเลยที่จะควบคุมเรื่องแบบนี้” วิกเกอร์เอ่ย

เจ้าชายแฮร์รี พระอนุชาของเจ้าชายวิลเลียมก็ทรงเคยตกเป็นเหยื่อของกล้องมือถืออันทันสมัยมาแล้ว โดยมีพระฉายาลักษณ์ของพระองค์ขณะเปลือยในห้องส่วนตัวเมื่อเสด็จไปพักผ่อนที่เมืองลาสเวกัสในช่วงวันหยุด ซึ่งถูกเผยแพร่ไปทั่วโลกทั้งทางหนังสือพิมพ์และทางอินเทอร์เน็ต

การแทรกแซงเช่นนี้ และความเสี่ยงที่จะถูกทรยศไม่ใช่เรื่องใหม่เลยที่ราชวงศ์นี้ต้องพบเจอ แม้กระทั่งสมเด็จพระราชินีนาถเองก็ทรงเคยประสบกับเหตุการณ์ที่อดีตพี่เลี้ยงที่ชื่อมาเรียน “ครอว์ฟี” ครอว์ฟอร์ด แฉข้อมูลส่วนพระองค์ ด้วยการเขียนหนังสือเล่าวิธีการเลี้ยงดูสมเด็จพระราชินีนาถ และมาร์กาเร็ต พระกนิษฐาของพระองค์ ซึ่งพระราชวังบัคกิงแฮมต้องโกรธเคืองขนาดหนัก

“ครั้งนั้นน่าจะเป็นเรื่องที่แย่ยิ่งกว่าเรื่องที่พวกปาปารัชชีแอบซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ที่ปราสาทซึ่งเจ้าชายวิลเลียมกับเจ้าหญิงเคตทรงกำลังอาบแดดอยู่ และเจ้าหญิงเคตทรงถูกถ่ายภาพขณะทรงเปลือยท่อนบน ที่ทำให้เกิดความปั่นป่วนในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา” ชาร์ลส์ มอสลีย์ นักเขียนเรื่องราชวงศ์ให้ความเห็น

ทั้งนี้ ผลการสำรวจซึ่งตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์สแตนดาร์ดอีฟนิงเมื่อสัปดาห์ที่แล้วระบุว่า มีชาวอังกฤษถึง 7 ใน 10 คนที่คิดว่า การที่จะเลี้ยงดูทายาทองค์น้อยอย่างธรรมดาสามัญนั้นเป็นสิ่งที่ “เป็นไปไม่ได้” ขณะที่มอสลีย์กล่าวว่าอะไรก็ตามที่เจ้าชายวิลเลียมและเจ้าหญิงเคตทรงตั้งความหวังที่จะรักษาความเป็นส่วนตัวของทายาทองค์น้อย เป็นการต่อสู้ที่ทั้งสองพระองค์จะทรงเป็นฝ่ายแพ้
กำลังโหลดความคิดเห็น