เอเอฟพี – ผู้ลี้ภัยหลายร้อยคนก่อเหตุเผาอาคารเพื่อหลบหนีออกจากสถานกักกันผู้ลี้ภัยของออสเตรเลียบนเกาะนาอูรูในมหาสมุทรแปซิฟิก หลังทราบข่าวว่ารัฐบาลจิงโจ้จะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดปิดกั้นมิให้ผู้ลี้ภัยเดินทางเข้าประเทศอีก ผู้เห็นเหตุการณ์เผยวันนี้(20)
รัฐบาลแคนเบอร์ราประกาศเมื่อวานนี้(19)ว่า ผู้ลี้ภัยที่ล่องเรือข้ามมหาสมุทรมายังออสเตรเลียจะไม่ได้รับอนุญาตให้ตั้งถิ่นฐานในประเทศอีกต่อไป โดยทางการจะส่งตัวผู้หลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมายเหล่านี้ไปยังดินแดนยากจนอย่างปาปัวนิวกินีแทน
คลินท์ เดย์เดนัง ช่างภาพท้องถิ่นคนหนึ่ง เล่าว่า ศูนย์กักกันผู้อพยพบนเกาะนาอูรูถูกกลุ่มผู้ลี้ภัยซึ่งมีทั้งมีดและท่อเหล็กเป็นอาวุธบุกยึด และจุดไฟเผาอาคารวอดไปหลายหลัง ขณะผู้ลี้ภัยเกือบครึ่งหนึ่งได้หลบหนีออกไปจากค่ายกักกันแห่งนี้แล้ว
เหตุจลาจลสิ้นสุดลงในเวลาราว 4 ชั่วโมง หลังจากชาวบ้านกลุ่มใหญ่ต่างหยิบจับอาวุธเข้าไปช่วยเจ้าหน้าที่ควบคุมสถานการณ์ และขณะนี้ทราบตัวผู้ลี้ภัยที่หลบหนีออกไปได้ทั้งหมดแล้ว กระทรวงคนเข้าเมืองออสเตรเลีย ระบุ
“แทงค์น้ำพลาสติกที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ อาคารไฟไหม้หลอมละลายราวกับเป็นเนย ผมเห็นหลังคาอาคารหลังหนึ่งยุบลงไปด้วย” เดย์เดนัง เล่าเหตุการณ์ พร้อมประเมินว่าอาคารในศูนย์กักกันผู้ลี้ภัยน่าจะเสียหายไปถึง 95%
ด้านโฆษกกระทรวงคนเข้าเมืองออสเตรเลีย ออกมายืนยันว่า ผู้ลี้ภัยราว 150 คนกระทำ “พฤติกรรมแข็งขืน” ขึ้นที่ศูนย์กักกันบนเกาะนาอูรูจริง
“วิลสัน ซีเคียวริตีส์ (บริษัทสัญญาจ้างเอกชน) และตำรวจนาอูรูได้เข้าไปควบคุมสถานการณ์ไว้แล้ว... ขณะนี้ทุกอย่างกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เรากำลังประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งเท่าที่ทราบขณะนี้คือมีทรัพย์สินเสียหายไปบ้างอย่างแน่นอน” โฆษกหญิง ระบุ
สื่อออสเตรเลียเผยรายงานซึ่งยังไม่ได้รับการยืนยันจากกระทรวงคนเข้าเมืองว่า เหตุจลาจลเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในศูนย์กักกันบาดเจ็บ 15 นาย และมีผู้ลี้ภัยถูกจับกุมราว 60 คน
สถานกักกันผู้ลี้ภัยบนเกาะนาอูรูเป็นนโยบายที่รัฐบาลออสเตรเลียใช้ข่มขู่ผู้ลี้ภัยที่ยอมจ่ายเงินให้แก๊งค้ามนุษย์เพื่อลักลอบเข้ามาตั้งถิ่นฐานในแดนจิงโจ้ โดยยังมีสถานกักกันลักษณะนี้อยู่ที่เกาะมานุสในปากัวนิวกินีด้วย