รอยเตอร์ - บัน คีมุน เลขาธิการสหประชาชาติ(ยูเอ็น) ร้องขอวานนี้(8) ให้กองกำลังผู้ภักดีต่อประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดและนักรบกลุ่มต่อต้านในซีเรียวางอาวุธลงชั่วคราวในระหว่างช่วง "รอมฎอน" เดือนศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิม
"เพื่อประโยชน์ของชาวซีเรียทุกคน ผมใคร่ขอวิงวอนให้ทุกฝ่ายในซีเรียช่วยให้ความเคารพต่อพันธะของศาสนาอิสลามที่ห้ามการสู้รบฆ่าฟันกันในช่วง 1 เดือนศักดิ์สิทธิ์นี้ ผมเรียกร้องถึงทุกเหล่าทัพของรัฐบาลและกองกำลังปลดแอกของซีเรีย รวมไปถึงทุกผู้ทุกนามที่ถืออาวุธอยู่ให้หยุดการต่อสู้และเสนอให้เดือนนี้เป็นเดือนแห่งสันติ ซึ่งถือเป็นข้อตกลงร่วมกันของทุกๆฝ่ายสำหรับ ณ ตอนนี้ และทั่วทั้งซีเรียด้วยเช่นกัน" บันกล่าวในวันก่อนหน้าเทศกาลรอมฎอน ซึ่งคาดว่าจะเริ่มขึ้นในวันอังคาร(9)
เป็นเวลามากกว่า 2 ปีมาแล้ว ที่ฝ่ายกองกำลังของอัสซาดและฝ่ายต่อต้านติดอยู่ในวังวนของความขัดแย้งที่นับวันยิ่งทำให้เพิ่มการแบ่งพรรคแบ่งพวกในสงครามกลางเมืองมากยิ่งขึ้น โดยสหประชาชาติคาดการณ์ว่ามีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 90,000 คน นับตั้งแต่การลุกฮือขึ้นต่อต้านรัฐบาลดามัสกัสเริ่มปะทุขึ้นในเดือนมีนาคม ปี 2011
ด้านอาหมัด อัสซี จาร์บา ประธานาธิบดีคนใหม่ของแนวร่วมแห่งชาติซีเรียซึ่งเป็นองค์กรฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรีย กล่าวเมื่อวันอาทิตย์(7) ว่าเขาได้เตรียมที่จะเสนอให้กองกำลังของอัสซาดทำการพักรบชั่วคราวระหว่างเดือนศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิม
อย่างไรก็ดี ท่าทีของผู้นำองค์กรฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรียดังกล่าว ถูกเลขาธิการยูเอ็นชาวเกาหลีใต้มองว่า ไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงเท่าใดนัก พร้อมย้ำว่ามีเพียงการเจรจาอย่างเป็นทางการเท่านั้นที่จะนำมาซึ่งสันติภาพที่ยั่งยืนในซีเรียได้
นอกจากนี้บันยังเรียกร้องให้มีการปล่อยผู้ที่ถูกคุมขังทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายต่อต้าน
"จากรายงานที่เชื่อถือได้ระบุว่ามีสตรีและเด็กจำนวนหลายร้อยหรือหลายพันที่ถูกคุมขังในสถานที่ต่างๆของรัฐและสถานกักกันต่างๆที่ไม่ใช่ของรัฐทั่วทั้งซีเรีย" บันกล่าวพร้อมเผยว่า ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลเองก็มีการกักขังผู้คนจำนวนมากเช่นกันทั้งที่ไม่ได้เป็นเชลยสงคราม
อย่างไรก็ตาม ทั้งรัสเซียและสหรัฐฯต่างพยายามอย่างหนักมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่จะจัดการประชุมสันติภาพที่จะให้ตัวแทนของฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายต่อต้านซีเรียเข้ามามีส่วนร่วม แต่ก็มีความไม่ลงรอยกันในหลายๆประเด็นอย่างเช่นใครควรมีส่วนร่วมและจากความไม่เต็มใจของทั้งสองฝ่ายนั้นยิ่งทำให้แผนของสหรัฐฯ-รัสเซียยิ่งห่างไกลจากความเป็นจริง