เอเจนซีส์ - สายการบิน “เอเชียนา แอร์ไลนส์” ยอมรับ นักบินที่นำเครื่องลงจอดและกระแทกรันเวย์ในสนามบินซานฟรานซิสโก ยังอยู่ระหว่างการฝึกบินโบอิ้ง 777 และเป็นการนำเครื่องรุ่นนี้ลงจอดครั้งแรก ขณะที่ข้อมูลจากกล่องดำระบุด้วยว่า มีเสียงจากห้องนักบินขอยกเลิกการร่อนลงจอดเพียงไม่กี่วินาทีก่อนเกิดอุบัติเหตุ ภายหลังที่เครื่องบินมีอาการสั่น ในอีกด้านหนึ่งมีรายงานว่า 1 ใน 2 ผู้โดยสารวัยรุ่นสาวชาวจีนที่เสียชีวิต อาจถูกรถของหน่วยฉุกเฉินทับตาย
เอเชียนา แอร์ไลน์ สายการบินอันดับสองของเกาหลีใต้ แถลงเมื่อวันจันทร์ (8) ว่า ลี คังคุค นักบินที่อาวุโสน้อยที่สุดอันดับ 2 จากจำนวนนักบิน 4 คน ประจำเที่ยวบินซึ่งประสบเหตุกระแทกรันเวย์ไฟลุกไหม้เมื่อวันเสาร์ (6) ที่สนามบินนานาชาติซานฟรานซิสโกนั้น ยังอยู่ระหว่างการฝึกบินด้วยเครื่องโบอิ้ง 777 โดยมีประสบการณ์การบินด้วยเครื่องบินระยะไกลรุ่นนี้เพียง 43 ชั่วโมง
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ ลี นำเครื่อง 777 ลงจอดที่สนามบินซานฟรานซิสโก ถึงแม้เขาเคยบินไปที่นั่นมา 29 ครั้งแล้วก่อนหน้านี้ด้วยเครื่องบินรุ่นอื่นๆ ชอย เซืองยุน เจ้าหน้าที่กระทรวงคมนาคมเกาหลีใต้ระบุ ก่อนหน้านี้ทางกระทรวงเคยแถลงว่า ลีมีประสบการณ์การบินรวมทั้งสิ้น 9,793 ชั่วโมง ในจำนวนนี้เป็นการควบคุมโบอิ้ง 777 รวม 43 ชั่วโมง
สายการบินชั้นนำแดนอารีดังบอกว่า ขณะลงจอด ลี คังคุค ซึ่งอยู่ในวัย 40 ปีเศษ ประจำอยู่บนที่นั่งนักบิน แต่ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า ลี จองมิน นักบินอาวุโสที่สุดผู้มีประสบการณ์การบินด้วยเครื่องโบอิ้ง 777 รวม 3,220 ชั่วโมง ได้พยายามเข้าควบคุมเครื่องแทนและเป็นผู้พูดขอยกเลิกการลงจอดหรือไม่
“นี่เป็นการฝึกบินที่ทำกันอยู่ทั่วไปในอุตสาหกรรมการบินทั่วโลก ความรับผิดชอบทั้งหมดนั้นอยู่ที่ตัวกัปตันที่เป็นครูฝึก” ยูน ยองดู ประธานและซีอีโอของเอเชียนา บอกกับผู้สื่อข่าวจากสำนักงานใหญ่ของบริษัทในกรุงโซลเมื่อวันจันทร์
เอเชียนาระบุว่า โบอิ้ง 777-200 ลำ ที่ประสบเหตุ ได้จัดซื้อมาเมื่อต้นปี 2006 และเพิ่งแก้ไขปัญหาน้ำมันรั่วจากเครื่องยนต์เมื่อต้นเดือนที่แล้ว กระนั้น ยุน ได้เแถลงเมื่อวันอาทิตย์ (7) ว่า สาเหตุที่เครื่องบินตกไม่น่าเกิดจากเครื่องยนต์หรือเครื่องบิน ทั้งนี้ อุบัติเหตุคราวนี้ซึ่งเป็นเหตุให้มีผู้โดยสาร 2 คนเสียชีวิต และบาดเจ็บอีกกว่า 180 คน ถือเป็นอุบัติเหตุร้ายแรงถึงแก่ชีวิตครั้งแรกที่เกี่ยวข้องกับเครื่องโบอิ้ง 777 ที่เริ่มให้บริการในปี 1995
ทางด้านสำนักงานความปลอดภัยด้านการขนส่งแห่งชาติของสหรัฐฯ (เอ็นทีเอสบี) แถลงในวันอาทิตย์ว่า เครื่องบินของเอเชียนาลำนี้ตกหลังจากนักบินได้แจ้งขอยกเลิกการลงจอดไม่ถึง 2 วินาที
เดบอราห์ เฮอร์สแมน ประธานหญิงเอ็นทีเอสบี ระบุว่า ข้อมูลจาก “กล่องดำ ประจำเครื่อง ซึ่งประกอบด้วยเครื่องบันทึกเสียงในห้องนักบิน และเครื่องบันทึกข้อมูลเที่ยวบินนั้น ไม่ได้บ่งชี้ว่าจะมีปัญหาอะไรเลย จวบจนกระทั่งช่วง 7 วินาที ก่อนเครื่องกระแทกรันเวย์ โดยตอนนั้นเป็นเวลาที่นักบินพยายามเร่งเครื่อง
เฮอร์สแมน แจกแจงว่า ในเวลาที่กำลังร่อนลงจอดนั้น เครื่องบินมีความเร็วต่ำกว่าระดับแนะนำที่ 137 นอตมาก ดังนั้นจึงมีสัญญาณเตือนจากอุปกรณ์ในเครื่องบินว่าเครื่องกำลังจะสูญเสียการทรงตัว ในช่วงประมาณ 4 วินาทีก่อนที่เครื่องจะตก ขณะที่ระบบการควบคุมในห้องนักบินเริ่มปรากฏอาการสั่น แล้วจากนั้นก็มีเสียงจากห้องนักบินขอยกเลิกการลงจอด และมีความพยายามที่จะนำเครื่องเหินขึ้นไปใหม่ประมาณ 1.5 วินาทีก่อนเครื่องตก
ประธานของเอ็นทีเอสบีพยายามย้ำว่า ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าสาเหตุของอุบัติเหตุคราวนี้เกิดจากอะไรแน่ และยังต้องรอการพิสูจน์ตรวจสอบรายละเอียดก่อน
กระนั้น การอธิบายของเธอดูจะสอดคล้องกับคลิปวิดีโอของตากล้องสมัครเล่นที่มีการเผยแพร่ทางโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น ตลอดจนการบ่อกเล่าของผู้เห็นเหตุการณ์ นั่นคือ เครื่องบินลงมาอยู่ในระยะต่ำเกินไป แล้วพยายามเชิดหัวขึ้นไปใหม่ ทว่าส่วนหางกระแทกกับกำแพงกันคลื่นของสนามบินซึ่งยื่นออกไปในอ่าวซานฟรานซิสโก ทำให้ส่วนหางหลุดออก และเครื่องไถลไปบนพื้นคอนกรีต
จากคลิปวิดีโอจะเห็นเครื่องบินที่อยู่ในสภาพเชิดหัวขึ้น แล้วส่วนหางกระแทกกับพื้น จากนั้นเครื่องก็ไหลไปตามลานบิน ก่อนจะกระดอนขึ้นมาอย่างกะทันหัน และหมุนคว้าง 180 องศา
โศกนาฏกรรมคราวนี้ยังมีประเด็นหักมุมอีกประเด็นหนึ่ง จากการเปิดเผยของกองดับเพลิงซานฟรานซิสโกว่า ผู้เสียชีวิต 2 คน ซึ่งเป็นวัยรุ่นหญิงนั้น คนหนึ่งมีบาดแผลในลักษณะที่อนุมานได้ว่าถูกรถทับ โดยจะมีการชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตต่อไป
เกี่ยวกับประเด็นนี้ เฮอร์สแมน บอกว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยกลุ่มแรกที่ไปถึงที่เกิดเหตุมีจำนวน 23 คน โดยอยู่บนรถ 9 คัน และเอ็ด ลี นายกเทศมนตรีซานฟรานซิสโก เสริมว่า มีผู้ปฏิบัติการฉุกเฉินเบื้องต้นในที่เกิดเหตุทั้งหมด 225 คน
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุครั้งนี้รักษาตัวในโรงพยาบาลกว่า 30 คนในวันอาทิตย์ ซึ่ง 8 คน มีอาการสาหัส เป็นต้นว่า มีอาการอัมพาตจากการบาดเจ็บที่กระดูกสันหลัง 2 คน
ทั้งนี้ เที่ยวบินที่เกิดเหตุมีต้นทางจากเซี่ยงไฮ้ ก่อนแวะจอดที่โซลและออกเดินทางต่อด้วยจำนวนผู้โดยสารทั้งหมด 291 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวจีน เกาหลีใต้ และอเมริกันตามลำดับ และมีลูกเรือ 16 คน ปลายทางคือซานฟรานซิสโก
สำหรับวัยรุ่นหญิงจีนที่เสียชีวิต รายงานข่าวระบุว่า ชื่อ เมิ่งหยวน อายุ 16 ปี และ หวัง หลินเจีย อายุ 17 ปี ทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกันโดยต่างเป็นนักเรียนจากโรงเรียนมัธยมศึกษา เมืองเจียงซาน มณฑลเจ้อเจียง และอยู่ในคณะครูและนักเรียนรวม 70 คน ที่กำลังเดินทางไปเข้าค่ายภาคฤดูร้อนที่สหรัฐฯ โดย 30 คน มาจากมณฑลซานซี และที่เหลือมาจากมณฑลเจ้อเจียง
