วิกฤตอียิปต์จวนเจียนสู่จุดแตกหัก ปธน.ลั่นสู้ต่อหลังกองทัพยื่นคำขาด

เอเจนซีส์ - วิกฤตการเมืองอียิปต์ใกล้ถึงจุดแตกหัก หลังกองทัพให้เวลาประธานาธิบดี 48 ชั่วโมงเพื่อทำตามเสียงเรียกร้องของประชาชน ด้านประธานาธิบดีมอร์ซี ยันกรานไม่ยอมให้ทหารบงการ ประกาศเดินหน้าแผนปรองดองของตนเองต่อ ขณะที่กลุ่มต่อต้านนัดชุมนุมเดินขบวนเย็นวันอังคารกดดันต่อเนื่องให้ประธานาธิบดีลาออก

คำแถลงของกองทัพที่ถ่ายทอดทางทีวีเมื่อวันจันทร์ (1) ให้เวลาประธานาธิบดีโมฮัมเหม็ด มอร์ซี 48 ชั่วโมงในการปฏิบัติตามเสียงเรียกร้องของประชาชน หลังมีผู้ออกมาชุมนุมประท้วงนับล้านๆ คนทั่วประเทศเรียกร้องให้ประมุขประเทศที่มีแนวทางอิสลามิสต์ผู้นี้ลงจากตำแหน่ง เมื่อวันอาทิตย์ (30 มิ.ย.) ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันครบรอบ 1 ปีในการบริหารประเทศของเขา

“หากข้อเรียกร้องของประชาชนไม่ได้รับการตอบสนองภายในเวลาที่กำหนดนี้ กองทัพจะประกาศโรดแมปสำหรับอนาคต ตลอดจนเกณฑ์ชี้วัดความคืบหน้า”

ปรากฏว่าหลังจากนั้น 9 ชั่วโมงเต็ม มอร์ซีได้ออกคำแถลงในเวลาตีสองของวันอังคาร (2ก.ค.) ซึ่งแม้พยายามหลีกเลี่ยงการใช้ท่าทีประจันหน้ากับฝ่ายทหาร แต่ก็ยืนยันว่าเขาจะยังคงเดินตามแผนการปรองดองแห่งชาติของตนเอง พร้อมระบุว่า ประธานาธิบดีไม่จำเป็นต้องฟังคำชี้แนะจากกองทัพ อีกทั้งประณามคำประกาศใดๆ ที่ทำให้สังคมแตกแยกมากขึ้นและคุกคามความสงบสุข

“ประธานาธิบดีได้ปรึกษากับกองกำลังแห่งชาติทั้งหมด เพื่อรักษาเส้นทางการเปลี่ยนแปลงสู่ประชาธิปไตยและปกป้องเจตจำนงค์ของประชาชน”

ทางด้านกลุ่มผู้สนับสนุนซึ่งนัดหมายชุมนุมกันเพื่อปกป้องความชอบธรรมของมอร์ซี ได้ออกมาแถลงว่า ความพยายามปลดประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยของฝ่ายทหารเช่นนี้ ถือเป็นการก่อรัฐประหาร

ปรากฏว่ากองทัพออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวทันที และระบุว่าคำแถลงของพลเอกอับเดล ฟัตตาห์ อัล-ซิซี ผู้บัญชาการกองทัพ มีจุดมุ่งหมายเพื่อผลักดันให้กลุ่มการเมืองทั้งหมดหาทางคลี่คลายวิกฤตการณ์โดยเร็ว

ในทางกลับกัน คำแถลงของกองทัพได้รับการต้อนรับจากกลุ่มต่อต้านมอร์ซีที่นัดชุมนุมบนท้องถนนในกรุงไคโร อเล็กซานเดรีย และอีกหลายเมือง

ตอมาร็อด ขบวนการรากหญ้าที่อยู่เบื้องหลังการชุมนุมใหญ่ในวันอาทิตย์ และอ้างว่าล่ารายชื่อได้กว่า 22 ล้านรายชื่อเพื่อถอดถอนประธานาธิบดี กล่าวยกย่องว่า คำแถลงดังกล่าวบ่งชี้ว่า กองทัพอยู่เคียงข้างประชาชน

กองทัพอียิปต์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงและโค่นล้มระบอบปกครองของฮอสนี มูบารัคในปี 2011 จนกระทั่งนำไปสู่การเลือกตั้งประธานาธิบดีอย่างเสรีครั้งแรกของอียิปต์ในปีต่อมา โดยที่ชัยชนะตกเป็นของมอร์ซีนั้น ให้เวลากลุ่มการเมืองทั้งหมด 1 สัปดาห์เพื่อหาวิธีปรองดอง เนื่องจากเกรงว่า หากปล่อยไว้ต่อไป ความขัดแย้งจะยิ่งลุกลาม

ก่อนหน้านี้ ตอมาร็อดได้เคยประกาศขีดเส้นตายให้มอร์ซีลาออกจากตำแหน่งภายในเวลา 17.00 น. (22.00 น. ตามเวลาไทย) วันอังคาร (2) หรือไม่ก็ต้องเผชิญกับมาตรการอารยะขัดขืน ของประชาชนทั่วประเทศอย่างไม่มีกำหนด

มอร์ซีกำลังอยู่ในสภาพโดดเดี่ยวมากขึ้นเรื่อยๆ โดยในวันอังคาร โมฮัมเหม็ด คาเมล อัมร์ ได้ขอลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นรัฐมนตรีสำคัญคนล่าสุดที่โบกมือตีจากรัฐบาล หลังจากก่อนหน้านี้เจ้ากระทรวงสื่อสาร สิ่งแวดล้อม การลงทุน และกิจการยุติธรรม ชิงลาออกไปแล้ว เช่นเดียวกับอดีตเสนาธิการทหาร พลเอก ซามี อานัน ที่ปรึกษาด้านการทหารของมอร์ซี

ทางด้าน ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นชาติผู้ให้ความช่วยเหลือด้านการทหารรายสำคัญแก่อียิปต์ ได้โทรศัพท์หารือและเตือนให้มอร์ซีฟังเสียงประชาชน โดยสำทับว่า อเมริกายึดมั่นในกระบวนการประชาธิปไตยในอียิปต์ และไม่สนับสนุนพรรคหรือกลุ่มการเมืองใดๆ โดยเฉพาะ

ด้านสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เตือนว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในอียิปต์จะส่งผลต่อประเทศอื่นๆ ที่โค่นล้มรัฐบาลเผด็จการในช่วงระหว่างและหลังการปฏิวัติ “อาหรับสปริง” เมื่อสองปีที่แล้ว

ในส่วนสื่อมวลชนอียิปต์ลงความเห็นว่า เส้นตายในวันพุธ (3) ของกองทัพจะเป็นจุดเปลี่ยนของสถานการณ์