เอเอฟพี - ชาวอียิปต์หลายล้านคนออกมาแสดงพลังขับไล่ประธานาธิบดี โมฮาเหม็ด มอร์ซี เมื่อวานนี้(30) ซึ่งเป็นวันครบรอบ 1 ปีที่เขาขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศ และถือเป็นการประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดในอียิปต์ นับตั้งแต่อดีตประธานาธิบดี ฮอสนี มูบารัค ถูกโค่นล้มด้วยน้ำมือประชาชนเมื่อปี 2011
แม้เสียงตะโกนคำว่า “ออกไป” จะดังกระหึ่มไปทั่วทั้งกรุงไคโร แต่ทำเนียบประธานาธิบดียืนยันเสียงแข็งว่า ทางออกของวิกฤตครั้งนี้อยู่ที่ “การเจรจา” เท่านั้น
แหล่งข่าวในกองทัพซึ่งไม่ระบุชื่อ ชี้ว่า “มันเป็นการประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของอียิปต์” และเป็นการประกาศจุดยืนของชาวแดนไอยคุปต์หลายล้านคนทั่วประเทศว่าพวกเขาไม่ต้องการผู้นำสายอิสลามิสต์คนนี้อีกต่อไป
บรรยากาศการชุมนุมตลอดทั้งวันเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย แต่เมื่อตกค่ำก็เริ่มมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น โดยที่จังหวัดอัสซิอุต มีชายคนหนึ่งขับรถจักรยานยนต์เข้าไปกราดยิงใส่ผู้ประท้วงที่หน้าสำนักงานพรรค ฟรีดอม แอนด์ จัสติส ของกลุ่มภราดรภาพมุสลิม (Muslim Brotherhood) จนมีคนเสียชีวิต 1 ราย ขณะเดียวกันที่สำนักงานพรรคดังกล่าวในจังหวัด เบนี ซูอิฟ ก็เกิดเหตุปะทะจนมีผู้เสียชีวิตอีก 1 ราย บาดเจ็บอีกราวๆ 40 คน
ญิฮาด อัล-ฮัดดาด โฆษกกลุ่มภราดรภาพมุสลิม แถลงว่า “พวกอันธพาล” หลายสิบคนใช้ระเบิดเพลิง, หนังสติ๊ก และก้อนหิน ขว้างปาใส่สำนักงานใหญ่ของภราดรภาพมุสลิมในกรุงไคโรด้วย
ด้านโฆษกประจำตัว มอร์ซี ออกมาเรียกร้องให้ฝ่ายต่อต้านยอมหันหน้าเจรจากับรัฐบาลอย่างสันติ
“การเจรจาเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เราทุกฝ่ายเข้าใจกัน... ทำเนียบประธานาธิบดี ยินดีที่จะเปิดการเจรจาแห่งชาติขึ้นอย่างจริงจัง” เอฮับ ฟาห์มี โฆษกประจำตัวประธานาธิบดี แถลงต่อสื่อมวลชน
อย่างไรก็ดี ความพยายามต่อรองของรัฐบาลดูเหมือนจะไม่เป็นผล เมื่อพันธมิตแนวร่วมกู้ชาติ (National Salvation Front) ซึ่งเป็นกลุ่มฝ่ายค้านหลัก ยังคงเรียกร้องให้พลเมืองออกมาแสดงพลังขัดขืนอย่างสงบ (civil disobedience) บนตามจตุรัส, ท้องถนน, เมือง และหมู่บ้านทั่วประเทศ จนกว่า มอร์ซี จะยอมลงจากอำนาจ
การประท้วงขับไล่ มอร์ซี เกิดขึ้นทั้งในเมืองอเล็กซานเดรีย, มันซูรา, เมนุฟ, ทันทา, มาฮัลลา, สุเอซ, พอร์ตซาอิด และแม้แต่ซากาซิก ซึ่งเป็นบ้านเกิดของประธานาธิบดีเอง
ที่จตุรัสตะห์รีในกรุงไคโร ผู้ประท้วงต่างโบกสะบัดป้ายสีแดงและธงชาติอียิปต์ ท่ามกลางเสียงเพลงปลุกใจที่ดังกระหึ่มจากลำโพงซึ่งติดตั้งอยู่ทั่วบริเวณ ขณะที่ฝ่ายผู้สนับสนุน มอร์ซี ที่จัดการชุมนุมต้านมานานหลายวันแล้ว ก็ยังยืนยันจะปักหลักต่อ เพื่อปกป้องอำนาจอันชอบธรรมของประธานาธิบดี
มอร์ซี ซึ่งเป็นอดีตแกนนำอาวุโสของภราดรภาพมุสลิม ถือเป็นประธานาธิบดีอียิปต์คนแรกที่มาจากการเลือกตั้ง หลังจากกระแสอาหรับสปริงเมื่อช่วงปี 2011 เป็นชนวนให้ชาวอียิปต์ลุกฮือโค่นล้มระบอบเผด็จการ มูบารัค ซึ่งยืนยงมานานถึง 3 ทศวรรษ
ศัตรูของ มอร์ซี กล่าวหาว่า เขา “ทรยศ” ต่อเจตนารมณ์ของการปฏิวัติ โดยให้อำนาจส่วนใหญ่ไปตกอยู่ในมืออิสลามิสต์ จนส่งผลให้เศรษฐกิจอียิปต์ตกต่ำอย่างรุนแรง ขณะที่ฝ่ายสนับสนุนแย้งว่า มอร์ซี ต้องแบกรับปัญหาที่รัฐบาลมูบารัคก่อไว้ และควรได้รับโอกาสบริหารประเทศต่อไปจนครบวาระในปี 2016
ล่าสุด แกนนำฝ่ายค้านคนหนึ่งออกมาเรียกร้องให้กองทัพอียิปต์เข้าแทรกแซง หาก มอร์ซี ยังปฏิเสธที่จะสละอำนาจตามความต้องการของประชาชน
“กองทัพจะต้องทำอะไรสักอย่าง เพราะพวกเขาอยู่เคียงข้างประชาชนมาโดยตลอด” ฮัมดีน ซาบาฮี อดีตผู้แทนพรรคฝ่ายซ้ายซึ่งได้คะแนนมาเป็นที่ 3 ในศึกเลือกตั้งผู้นำอียิปต์ กล่าว พร้อมทวงคำสัญญาจาก พล.อ. อับเดล ฟัตตะห์ อัล-ซีซี ผู้บัญชาการกองทัพอียิปต์ ที่เคยยืนยันว่าจะเคารพความปรารถนาของพลเมือง