รอยเตอร์ - สหรัฐฯ ตัดสินใจทิ้งทหารแนวหน้า 700 นายให้ประจำการอยู่ในจอร์แดนต่อไป หลังปฏิบัติการซ้อมรบภายใต้รหัส “อีเกอร์ไลออน” สิ้นสุดลงเมื่อวันพฤหัสบดี(20) โดยก่อนหน้านี้ก็ได้ทิ้งขีปนาวุธแพทริออตและเครื่องบินรบบางส่วนไว้ เพื่อช่วยป้องกันจอร์แดนในกรณีที่สงครามซีเรียลุกลามข้ามมายังประเทศเพื่อนบ้าน ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แถลงวานนี้(21)
โอบามา ระบุว่า คำสั่งดังกล่าวเกิดจากการร้องขอของรัฐบาลจอร์แดนเอง ซึ่งเกรงว่าการต่อสู้ในซีเรียจะลุกลามข้ามพรมแดนมายังฝั่งตน ซึ่งมีผู้ลี้ภัยชาวซีเรียเกือบครึ่งล้านหนีตายเข้ามาอาศัยอยู่
ในจดหมายถึง จอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ โอบามา ชี้แจงว่า ทหารอเมริกันที่ถูกส่งไปยังจอร์แดนเพื่อร่วมภารกิจซ้อมรบ อีเกอร์ ไลออน จะอยู่ประจำการที่นั่นต่อราว 700 นาย จนกว่าสถานการณ์ความมั่นคงในภูมิภาคจะเข้าสู่ภาวะปกติ
“ทหารและอาวุธที่ถูกส่งไปซ้อมรบและจะยังประจำการอยู่ในจอร์แดนต่อไป ประกอบด้วย ระบบป้องกันขีปนาวุธแพทริออต, เครื่องบินรบ ตลอดจนบุคลากรและเครื่องมือสนับสนุนการบัญชาการ, ควบคุม และสื่อสาร” โอบามา กล่าว
ผู้นำสหรัฐฯ ค่อยๆแทรกแซงสถานการณ์ในซีเรียอย่างไม่บุ่มบ่าม โดยใช้เวลานานหลายสัปดาห์ก่อนจะสรุปว่า วอชิงตันพบหลักฐานยืนยันว่ารัฐบาลประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด ใช้อาวุธเคมีจริง และมีประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อแล้วราว 100-150 คน
โอบามา ยังประกาศจะจัดส่งอาวุธเบาไปช่วยสนับสนุนกบฏซีเรีย แต่ไม่เห็นด้วยกับ ส.ส.รีพับลิกันบางคนที่เสนอให้วอชิงตันหนุนหลังฝ่ายกบฎด้วยอาวุธหนัก
หลังจากเพนตากอนแถลงว่าจะทิ้งขีปนาวุธแพทริออตและเครื่องบินรบ F-16 ไว้ในจอร์แดนเมื่อสัปดาห์ก่อน รัสเซียซึ่งเป็นพันธมิตรที่เหนียวแน่นของ อัสซาด ก็ดักคอทันทีว่า หากสหรัฐฯคิดจะใช้อาวุธเหล่านั้นประกาศ “เขตห้ามบิน” ในซีเรีย จะถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย