เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ประธานาธิบดีดิลมา รูสเซฟฟ์ ผู้นำหญิงแห่งบราซิล ออกโรงชื่นชมผู้ประท้วงนับแสนคนที่ออกมารวมตัวกันตามท้องถนนในหลายเมืองทั่วประเทศ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลแดนแซมบ้าเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ แทนที่จะนำงบประมาณมหาศาลไปทุ่มเทกับการเป็นเจ้าภาพจัดฟุตบอลโลกปี 2014 และกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนปี 2016
ประธานาธิบดีรูสเซฟฟ์ วัย 65 ปี ซึ่งก้าวขึ้นครองตำแหน่งผู้นำหญิงคนแรกแห่งแดนแซมบ้า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมปี 2011 ระบุว่า เธอมีความภาคภูมิใจที่ประชาชนนับแสนคนออกมารวมตัวแสดงพลังตามท้องถนนในหลายเมืองทั่วประเทศเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลหันมาเอาใจใส่กับการแก้ปัญหาระบบการศึกษา และการคมนาคมในประเทศ แทนที่จะนำงบประมาณไปทุ่มเทกับการเป็นเจ้าภาพการแข่งขันฟุตบอลโลกในปีหน้า และการจัดกีฬาโอลิมปิกที่นครริโอเดอจาเนโรในปี 2016
“ดิฉันมีความภาคภูมิใจในการแสดงพลังของประชาชนบราซิลในครั้งนี้ และดิฉันขอย้ำว่ารัฐบาลจะรับฟังเสียงเรียกร้องของประชาชนที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่เหมาะสมต่อประเทศของเรา” นางรูสเซฟฟ์ซึ่งเคยเข้าร่วมกับขบวนการติดอาวุธใต้ดินฝ่ายซ้าย “โกลินา” เพื่อต่อสู้กับรัฐบาลบราซิลในช่วงทศวรรษ 1970 กล่าว
ท่าทีล่าสุดของผู้นำหญิงแดนแซมบ้ามีขึ้น หลังประชาชนซึ่งมีจำนวนไม่ต่ำกว่า 200,000 คนออกมารวมตัวประท้วงตามท้องถนนในหลายเมืองใหญ่ทั่วประเทศ รวมถึงเมืองเซาเปาโล นครริโอเดอจาเนโร และกรุงบราซิเลียซึ่งเป็นการประท้วงที่ใหญ่ที่สุดที่เกิดขึ้นในบราซิลในรอบมากกว่า 20 ปี นับตั้งแต่การรวมตัวของประชาชนเพื่อขับไล่ประธานาธิบดีเฟร์นันดู โกลลอร์ เด เมลโลเมื่อปี 1992
การประท้วงล่าสุดมีต้นเหตุมาจากความไม่พอใจของประชาชนในนครเซาเปาโล ต่อการขึ้นค่าโดยสารรถประจำทางจากเดิมราคา 3 เรอัล (คิดเป็นเงินไทยราว 42.2 บาท) เป็น 3.20 เรอัล (ราว 45 บาท) รวมถึงความไม่พอใจต่องบประมาณจำนวนมหาศาลที่รัฐบาลนำไปทุ่มเพื่อเป็นเจ้าภาพจัดศึกฟุตบอลโลกและกีฬาโอลิมปิกโดยการประท้วงที่มีผู้เข้าร่วมมากที่สุด คือ ที่นครริโอเดอจาเนโร ที่คาดว่ามีประชาชนออกมาแสดงพลังไม่ต่ำกว่า 100,000 คน ขณะที่ในเมืองเซาเปาโลก็มีประชาชนออกมารวมตัวกันกว่า 65,000 คน
ด้านเฟร์นันดู อัดดาด นายกเทศมนตรีนครเซาเปาโล ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศออกมาเปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า เขาเตรียมเดินทางไปพบประธานาธิบดีรูสเซฟฟ์เพื่อหารือถึงแนวทางในการยุติเหตุประท้วง รวมถึงให้คำมั่นว่าจะพยายามตอบรับข้อเรียกร้องของประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับการขึ้นค่าโดยสารรถสาธารณะ เช่นเดียวกับนายกเทศมนตรีของเมืองกูเอียบา, เรซิเฟ และชูเอา เปสซัว ที่ประกาศลดราคาค่าโดยสารรถสาธารณะในเมืองของตนตามข้อเรียกร้องของประชาชน
ทั้งนี้ เป็นที่คาดกันว่า รัฐบาลบราซิลต้องใช้งบประมาณในการก่อสร้างสนามฟุตบอลใหม่ หรือปรับปรุงสนามฟุตบอลเก่าเพื่อรองรับการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกในปีหน้าไม่ต่ำกว่า 9,900 ล้านเรอัล (ราว 139,680 ล้านบาท) และอีกกว่า 5,300 ล้านเรอัล (ราว 74,840 ล้านบาท) ในการปรับปรุงสนามบินกว่า 10 แห่งทั่วประเทศ ยังไม่รวมถึงค่าใช้อีกมหาศาลในการเตรียมตัวเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกปี 2016 ของนครริโอเดอจาเนโร
ล่าสุด ทางกระทรวงยุติธรรมของบราซิลประกาศส่งหน่วยปฏิบัติการพิเศษลงพื้นที่รักษาความสงบเรียบร้อยในเมืองใหญ่ทั่วประเทศทั้งนครริโอเดอจาเนโร, บาเอีย, มินาช เกราอิช รวมถึงกรุงบราซิเลีย หวั่นสถานการณ์การประท้วงบานปลาย
