ผู้ชุมนุมบราซิลปะทะตำรวจรอบใหม่ หลังรบ.ส่งกองกำลังพิเศษลงพื้นที่

เอเอฟพี - เกิดการปะทะรอบใหม่ในบราซิลเมื่อวันพุธ(19) ระหว่างตำรวจและกลุ่มผู้ชุมนุมที่ขุ่นแค้นต่อการนำงบประมาณมหาศาลไปทุ่มเทกับการเป็นเจ้าภาพจัดฟุตบอลโลกปีหน้า ขณะที่รัฐบาลส่งกำลังหน่วยปฏิบัติการพิเศษลงพื้นที่รักษาความสงบเรียบร้อยในเมืองใหญ่ทั่วประเทศ

มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อยๆ 2 รายในเหตุปะทะใกล้ๆกับสนามกีฬาในเมืองฟอร์ตาเลซา ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ หนึ่งในหลายเมืองที่ได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพจัดศึกฟุตบอลคอนเฟเดอเรชันส์คัพ ที่กำลังฟาดแข้งกันอยู่ ณ เวลานี้และยังเป็นหนึ่งในเมืองที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษของตำรวจถูกส่งเข้าประจำการเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย

ผู้ประท้วงราวๆ 10,000 คนขว้างปาก้อนหินเข้าใส่หน่วยความมั่นคง ส่วนเจ้าหน้าที่ก็ตอบโต้ด้วยแก๊สน้ำตาและกระสุนยาง โดยผู้สื่อข่าวเอเอฟพีรายงานว่าพบเห็นผู้ประท้วงหนึ่งคนได้รับบาดเจ็บบริเวณตาและอีกคนนำขึ้นเปลหามออกไป ขณะเดียวกันก็มีรายงานการประท้วงหรือมีการนัดชุมนุมในอีกหลายเมือง หลังจากนี้ในวันพุธ(19) โดยเฉพาะที่เมืองเซาเปาลู บราซิเลียและเบโลโอรีซอนตี

แรกเริ่มการประท้วงจุดชนวนมาจากความไม่พอใจของประชาชนในนครเซาเปาโล ต่อการขึ้นค่าโดยสารรถประจำทางจากเดิมราคา 3 เรอัล (คิดเป็นเงินไทยราว 42.2 บาท) เป็น 3.20 เรอัล (ราว 45 บาท) ก่อนลุกลามบานปลายสู่การเดินขบวนต่อต้านคอรัปชันทั่วประเทศที่โหมกระพือความโกรธเคืองจากกรณีรัฐบาลมุ่งแต่ทุ่มงบประมาณมหาศาลแก่โครงการก่อสร้างและปรับปรุงสนามต่างๆสำหรับการเป็นเจ้าภาพจัดศึกฟุตบอลโลกปี 2014 และกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนปี 2016 โดยให้ความใส่ใจต่อโครงการทางสังคมต่างๆเพียงน้อยนิด

ก่อนหน้านี้ในวันพุธ(19) กระทรวงยุติธรรมบราซิลระบุว่าได้ส่งหน่วยปฏิบัติการพิเศษตำรวจกลางเข้ารักษาความสงบเรียบร้อยตามเมืองต่างๆ 5 แห่งที่รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลฟีฟ่า คอนเฟเดอเรชันส์คัพ ไม่ว่าจะเป็นรัฐรีโอเดจาเนโร รัฐบาเยีย รัฐมีนัสเซไรส์ รัฐเซอาราและในบราซิเลีย โดยเฉพาะที่เมืองฟอร์ตาเลซา ในรัฐเซอารา ซึ่งมีประชากรอยู่ราวๆ 3.5 ล้านคน ได้มีการเสริมกำลังตำรวจอีกราว 6,000 นาย ด้วยที่ทีมชาติบราซิลมีกำหนดลงเตะกับเม็กซิโก ในช่วงค่ำวันเดียวกัน

ในวันอังคาร(18) ประชาชนอย่างน้อย 50,000 คน ต่างหลั่งไหลไปยังท้องถนนสายต่างๆในเมืองเซาเปาลู ดินแดนที่มีประชากรมากที่สุดของบราซิลและเป็นเมืองหลวงทางอุตสาหกรรมของประเทศ เพื่อแสดงความขุ่นแค้นต่อเหล่านักการเมือง ในนั้นรวมไปถึงประธานาธิบดีดิลมา รูสเซฟฟ์

บางส่วนได้แยกตัวออกมาจากการชุมนุมหลัก ก่อนก่อเหตุจลาจลจุดไฟเผารถยนต์และทุบทำลายทรัพย์สินทางราชการ โดยตำรวจใช้กระสุนยางและแก๊สน้ำตาในความพยายามสลายคนเหล่านั้น แต่ก็ได้ผลแค่ระยะสั้น เนื่องจากไม่นานคนกลุ่มนั้นก็กลับมาและลงมือปล้นสะดมห้างร้านต่างๆ กวาดไปทั้งเพชรพลอยเครื่องประดับ เสื้อผ้ารวมถึงโทรทัศน์

สืบเนื่องจากที่ต้องเผชิญหน้ากับการประท้วงอย่างกว้างขวาง เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางและรัฐต่างๆ ต่างแสดงสัญญาณแห่งการประนีประนอม ขณะที่ประธานาธิบดีรูสเซฟฟ์ ถึงกับออกโรงชื่นชมผู้ชุมนุมนับแสนคนที่ออกมารวมตัวกันตามท้องถนนในหลายเมืองทั่วประเทศ เรียกร้องให้รัฐบาลแดนแซมบ้าเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ แทนที่จะนำงบประมาณมหาศาลไปทุ่มเทกับการเป็นเจ้าภาพจัดฟุตบอลโลกและกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน

โดยทางประธานาธิบดีรูสเซฟฟ์ ประกาศว่าจะรับฟังเสียงของกลุ่มเยาวชนที่โกรธแค้นและบอกว่าเสียงเรียกร้องของคนเหล่านั้นถูกต้องตามกฎหมาย ขณะที่ในหลายๆเมืองรวมถึงปอร์ตูเอเลเกร และเรซีเฟ ต่างแถลงปรับลดอัตราขึ้นค่าโดยสารระบบขนส่งสาธารณะ ส่วนที่เซาเปาลู นายกเทศมนตรีเฟอร์นานโด ฮัดดัด ตอบรับข้อเสนอตัวแทนกลุ่มเคลื่อนไหว ว่าจะทบทวนค่าโดยสาร อย่างไรก็ตามพวกผู้ชุมนุมยืนกรานว่าจะเดินหน้าประท้วงต่อไปจนกว่าทางเมืองจะยกเลิกมาตรการขึ้นค่าโดยสารดังกล่าว