เอเจนซีส์ - เอ็ดเวิร์ด สโนว์เด็น ผู้เผยข้อมูลลับของ NSA อ้างในวันพุธ(12)ว่า มีหลักฐานชี้ว่า รัฐบาลสหรัฐฯได้ลักลอบเจาะระบบเข้าไปในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของจีนตั้งแต่ปี 2009 ความพยายามเป็นส่วนหนึ่งของจำนวนนับหมื่นครั้งของปฎิบัติการจารกรรมทางคอมพิวเตอร์ที่นักจารกรรมคอมพิวเตอร์ชาวอเมริกันปฎิบัติการทั่วโลก อ้างอิงจากหนังสือพิมพ์เซาท์มอร์นิ่งไชน่าโพสต์
หนังสือพิมพ์เซาท์มอร์นิ่งไชน่าโพสต์เผยว่าได้มีโอกาศได้สัมภาษณ์ เอ็ดเวิร์ด สโนว์เด็น อดีตเจ้าหน้าที่ NSA วัย 29 และเขาได้ให้เอกสารข้อมูล ที่มีตราประทับว่า “ยังไม่ได้ยืนยันความถูกต้อง” พร้อมกับกล่าวว่า ปฏิบัติการล้วงความลับข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ของสหรัฐฯ มีเป้าหมายอยู่ที่ มหาวิทยาลัยฮ่องกง เจ้าหน้าที่ของรัฐ และนักเรียนที่อยู่ในเมืองของประเทศจีน เซาท์มอร์นิ่งไชน่าโพสต์เผยต่อว่าเอกสารของ NSA ชี้ด้วยว่า มีการใช้แฮกเกอร์โจมตีเครือข่ายคอมพิวเตอร์ในจีนแผ่นดินใหญ่เป็นเป้าหมาย แต่ไม่ได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ทางการทหารของจีน
สโนว์เด็นซึ่งขณะนี้อยู่ที่ฮ่องกง กล่าวว่าเขาเชื่อได้ว่าโดยรวมแล้ว NSAได้มีปฎิบัติการโจมตีทางคอมพิวเตอร์ที่ไม่ต่ำกว่า 61,000 ครั้ง ทั่วโลก รวมทั้งความพยายามนับร้อยครั้งในการจารกรรมทางไซเบอร์โดยมีเป้าหมายที่ฮ่องกงและจีนแผ่นดินใหญ่
“เราแฮกอินเตอร์เนตแบ็คโบน (แบ็คโบนเป็นส่วนภายในของการทำงานของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ที่เชื่อมส่วนต่างๆของเครือข่ายนั้น แบ็คโบนใช้เพื่อส่งข้อมูลจากส่วนหนึ่งของเครือข่ายไปที่ส่วนอื่นและ ดังนั้นข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ทั้งหมดที่อยู่ในเครือข่ายสามารถรั่วได้ ถ้ามันถูกแฮกจากภายนอก) ที่โดยทั่วไปแล้วเปรียบเสมือนเร้าท์เตอร์ขนาดใหญ่ ที่อนุญาตให้เราเข้าสู่เครือข่ายการสื่อสารของคอมพิวเตอร์นับพัน โดยเราไม่ต้องเสียเวลาแฮกที่ละเครื่อง สโนว์เด็นกล่าว อ้างจากหนังสือพิมพ์ “สัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐฯ มีปฏิบัติการลับๆอย่างมีความสุขอยู่ในเงามืดโดยปราศจากการเห็นชอบจากชาวอเมริกัน - แต่ไม่อีกต่อไป”
นอกจากนี้ สโนว์เด็นเผยกับหนังสือพิมพ์ว่า เขาได้ปล่อยข้อมูลชุดใหม่ที่จะแสดงให้เห็นถึง “ความตลบแตลงของรัฐบาลสหรัฐฯที่อ้างว่า ไม่ได้โจมตีระบบสาธารณูปโภคของเอกชน เพราะไม่ใช่ศัตรูของสหรัฐฯ”