บีบีซี - นางจูเลีย กิลลาร์ด นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย โกรธสุดขีด หลังถูกนำทรวดทรงองค์เอวไปล้อเลียนในเมนูอาหารของงานเลี้ยงสมาชิกพรรคฝ่ายค้านรายหนึ่ง พร้อมสวนกลับเมนูดังกล่าวตั้งขึ้นตามลักษณะพฤติกรรมของคนตั้งเอง
นายกรัฐมนตรีของออสเตรเลียไม่พอใจอย่างยิ่ง หลังทราบข่าวว่าเมนูอาหารของงานเลี้ยงหนึ่งของสมาชิกพรรคฝ่ายค้าน ได้แสดงความเห็นหยาบคายต่อรูปร่างของเธอ โดยงานเลี้ยงดังกล่าวเสนอเมนูชื่อว่า “นกกระทาทอดเคเอฟซีสสไตล์จูเลีย กิลลาร์ด อกเล็กและน่องใหญ่”
รายงานข่าวระบุว่า เมนูดังกล่าวปรากฏอยู่ภายในงานเลี้ยงของนายมัล โบรช์ ผู้สมัครของพรรคลิเบอรัล แนชันแนล อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมาทางเจ้าของภัตตาคารแก้ต่างว่ามันเป็นแค่มุกตลกและไม่ได้ถูกนำไปใช้ในงานเลื้ยงมื้อนั้น
กระนั้นก็ดี ทาง โทนี แอบบอตต์ ผู้นำพรรคฝ่านค้านก็ออกมาตำหนิเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและประณามเมนูดังกล่าวว่าไม่รู้จักกาลเทศะ “ผมขอประณามเรื่องนี้ เช่นเดียวกับนายโบรช์ด้วย เราทุกคนควรทำตัวให้ดีกว่านั้น” เขาระบุ อย่างไรก็ตาม ผู้นำรายนี้ปฏิเสธเสียงเสนอแนะที่อยากให้ถอนการสนับสนุนนายโบรช์ ส.ส.ของพรรคลิเบอรัล ที่เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีภายใต้รัฐบาลของนายจอห์น โฮเวิร์ด และอยู่ระหว่างลงสมัครรับเลือกตั้งชิงเก้าอี้ในรัฐควีนส์แลนด์
ส่วนนางกิลลาร์ดตอบโต้จวกกลับว่าเมนูนี้เป็นคำที่ใช้เสียดสีผู้หญิง และแสดงถึงพฤติกรรมเหยียดเพศของพรรคฝ่ายค้าน รวมทั้งยังแสดงความไม่พอใจต่อท่าทีของนายแอบบอตต์ที่ยังคงหนุนหลังลูกพรรครายนี้ “แนวทางการแก้ไขปัญหาของนายแอบบอตต์ ต่อพฤติกรรมนี้ ไม่ได้แสดงออกถึงการเป็นผู้นำเลย เห็นได้ชัดว่าเขาเลือกยืนเคียงข้างนายโบรช์”
งานเลี้ยงระดมทุนทางการเมืองดังกล่าวมีขึ้นเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมาและมีผู้เข้าร่วมราว 20 คน โดยในเมนูยังมีการล้อเลียนอดีตนายกรัฐมนตรีเควิน รัดด์ และ ส.ส.คนอื่นๆ ของพรรคเลเบอร์อีก 2 คน
เบื้องต้นนายโบรช์ออกมากล่าวขอโทษและบอกกับสื่อมวลชนท้องถิ่นนึกไม่ออกว่าเคยเห็นเมนูนั่นหรือเปล่า โดยแก้ตัวว่าคนที่เขียนเมนูขึ้นมานั้นไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคและก็รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ในช่วงค่ำวันพุธ (12) โจ ริชาร์ด เจ้าของภัตตาคาร ส่งหนังสือถึงนายโบรช์ และยอมรับว่าเขาเป็นคนจัดทำเมนูล้อเลียนนี้มาเอง โดยทำขึ้นมาเล่นๆ และไม่เคยคิดเผยแพร่ต่อสาธารณชน “เคราะห์ร้ายที่สตาฟคนหนึ่งมาเห็นเข้าและนำมันไปโพสต์ลงบนเฟซบุ๊กโดยที่ผมไม่ทราบเรื่อง”
นายริชาร์ดอ้างด้วยว่า จากนั้นก็มีบุคคลที่ 3 นำมันไปเผยแพร่ต่อด้วยเหตุผลทางการเมือง “เคราะห์ร้ายที่มุกตลกระหว่างผมกับลูกชาย ก่อปัญหาใหญ่และสร้างปัญหาแก่คุณ” หนังสือที่ส่งถึงนายโบรช์ระบุ