เอเอฟพี/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ออกคำแถลง ระบุ ระบอบการปกครองของรัฐบาลซีเรียภายใต้การนำของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด ดู “มืดมนไร้อนาคต” ชี้ใกล้ถึงคราวล่มสลายแล้ว
รายงานข่าวซึ่งอ้างแพทริก เวนเทรลล์ รักษาการโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่ารัฐบาลซีเรียภายใต้ระบอบการปกครองของอัสซาดใกล้ถึงจุดจบแล้ว พร้อมย้ำว่าบรรดาผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้ความรุนแรงสังหารประชาชนชาวซีเรียอย่างโหดเหี้ยมจะต้องถูกนำตัวมาดำเนินคดี ขณะเดียวกัน คำแถลงของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ยังเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการค้ำจุนระบอบอัสซาด ถอนการสนับสนุนผู้นำซีเรียโดยเร็วเพื่อยุติเหตุนองเลือดที่ดำเนินมานานเกือบครบ 2 ปี
ท่าทีล่าสุดของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ มีขึ้นหลังมีรายงานว่ากองกำลังของฝ่ายรัฐบาลซีเรียเปิดฉากโจมตีทางอากาศอย่างโหดเหี้ยมต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ บริเวณหน้าร้านขายขนมปังแห่งหนึ่งที่เมืองฮัลฟายา ในจังหวัดฮามาทางตอนกลางของประเทศ เมื่อวันอาทิตย์ (23) จนมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 60 ราย
ในอีกด้านหนึ่ง ลักห์ดาร์ บราฮิมี ทูตพิเศษของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ชาวแอลจีเรีย วัย 78 ปีออกมาเปิดเผยหลังเดินทางถึงกรุงดามัสกัสและเข้าพบหารือกับประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด โดยระบุว่าบรรยากาศในการหารือกับผู้นำซีเรียเป็นไปอย่างสร้างสรรค์และเป็นมิตรเกี่ยวกับอนาคตของซีเรีย แต่ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดของการหารือแต่อย่างใด
ขณะที่กลุ่มเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน “ซีเรียน อ็อบเซอร์วาทอรี ฟอร์ ฮิวแมน ไรต์ส” ที่มีจุดยืนต่อต้านรัฐบาลอัสซาดออกมาเปิดเผยว่า เฉพาะเมื่อวันจันทร์ (24) มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 119 คนทั่วซีเรีย รวมถึงพลเรือนอย่างน้อย 38 คน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตในซีเรียแล้วมากกว่า 44,000 ราย นับตั้งแต่เกิดความรุนแรงที่บานปลายถึงขั้นเป็นสงครามกลางเมืองเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว
นอกจากนั้น นักเคลื่อนไหวกลุ่มดังกล่าวยังอ้างว่าพบนักรบฝ่ายกบฏเสียชีวิตในเมืองฮอมส์ทางตอนกลางของประเทศอย่างน้อย 6 รายเมื่อคืนวันอาทิตย์ (23) โดยพบหลักฐานที่เชื่อได้ว่าทั้งหมดเสียชีวิตจากระเบิดบรรจุก๊าซพิษ ซึ่งอาจเป็นการบ่งชี้ว่ารัฐบาลซีเรียได้เริ่มนำสารพิษร้ายแรงบางส่วนในความครอบครองออกมาใช้ในการทำสงครามกับฝ่ายกบฏแล้ว