สหรัฐฯ ละเว้น “จีน-อินเดีย” จากแผนคว่ำบาตรน้ำมันอิหร่าน

เอเอฟพี - สหรัฐฯ ประกาศให้จีนและอินเดียได้รับการยกเว้นจากบทลงโทษของมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันอิหร่านอีกครั้งหนึ่ง วานนี้ (5) หลังจากที่ทั้ง 2 ประเทศลดการนำเข้าน้ำมันดิบจากเตหะรานถึงขั้นเป็นที่น่าพอใจ

จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า “สหรัฐฯ และประชาคมโลกจะร่วมมือในการกดดันรัฐบาลอิหร่าน จนกว่าพวกเขาจะคลายความกังวลของนานาชาติในเรื่องโครงการนิวเคลียร์อย่างแท้จริง”

ถ้อยแถลงของเคร์รีชี้ว่า จีนและอินเดียอยู่ในกลุ่ม 20 ประเทศที่ “มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะได้รับการยกเว้นจากมาตรการคว่ำบาตร... เนื่องจากได้ลดการนำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่าน หรือลดลงจนเป็นศูนย์ และยังคงระดับอยู่เช่นนั้นตลอดมา”

สำหรับประเทศอื่นๆ ที่ได้รับการยกเว้นด้วย ได้แก่ มาเลเซีย, เกาหลีใต้, สิงคโปร์, แอฟริกาใต้, ศรีลังกา, ตุรกี, ไต้หวัน และที่เหลือเป็นประเทศแถบยุโรป

รัฐบาลสหรัฐฯ แถลงว่า ประเทศซึ่งได้รับการยกเว้นล้วนลดการพึ่งพาน้ำมันจากอิหร่าน ดังนั้นสถาบันการเงินของประเทศเหล่านี้จึงไม่อยู่ในข่ายถูกลงโทษตามกฎหมายคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อบีบให้อิหร่านยุติโครงการนิวเคลียร์

กฎหมายคว่ำบาตรน้ำมันอิหร่านของสหรัฐฯ กำหนดให้วอชิงตันต้องทบทวนและยืนยันรายชื่อประเทศที่จะได้รับการยกเว้นจากบทลงโทษทุกๆ 6 เดือน

“สารที่ประชาคมโลกส่งไปยังรัฐบาลอิหร่านนั้นชัดเจน นั่นก็คือ พวกเขาต้องแสดงออกอย่างจริงจังที่จะบรรเทาความกังวลของนานาชาติ มิเช่นนั้นก็จะถูกโดดเดี่ยวและถูกกดดันหนักขึ้นไปอีก” เคร์รีระบุ

ภายใต้กฎหมายคว่ำบาตรปี 2011 ซึ่งผ่านการรับรองจากสภาคองเกรสในปีที่แล้ว สหรัฐฯ ขู่จะลงโทษสถาบันการเงินต่างชาติที่ทำธุรกรรมการเงินกับธนาคารกลางอิหร่าน ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบการส่งออกสินค้าหลักๆ ของอิหร่านไปยังต่างประเทศ

การพบปะเจรจาระหว่างผู้แทนทบวงการปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) กับอิหร่านว่าด้วยกิจกรรมนิวเคลียร์ซึ่งต้องสงสัยว่ามีเป้าหมายเพื่อพัฒนาอาวุธทำลายล้างสูง ล้มเหลวมาแล้วถึง 10 ครั้งในรอบ 18 เดือน

ชาติตะวันตกรวมถึงอิสราเอลต่างเชื่อว่าอิหร่านกำลังลักลอบพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ในขณะที่เตหะรานย้ำอยู่ตลอดเวลาว่าโครงการนิวเคลียร์ของตนมีจุดประสงค์เชิงสันติเท่านั้น