เอเจนซีส์ - นายกฯอาเบะฝันไกล นำญี่ปุ่นสู่ตำแหน่งทำเลลงทุนที่ดีที่สุดของโลก และเป็นพลังขับเคลื่อนการฟื้นตัวของโลก ด้วยการประกาศเป้าหมายเพิ่มการลงทุนของต่างชาติเป็นสองเท่าตัว เพิ่มรายได้ส่วนบุคคลของชาวญี่ปุ่นอีก 1 ใน 3 และจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ อย่างไรก็ดี แผนการสวยหรูนี้ยังมัดใจตลาดไม่อยู่ ฉุดดัชนีนิกเกอิเทกระจาด ปิดตลาดด้วยสถิติต่ำสุดในรอบ 2 เดือน
ในการปราศรัยเพื่อขยายความนโยบายเศรษฐกิจของเขาเมื่อวันพุธ (5 มิ.ย.) หลังจากที่มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ล่วงหน้าอย่างครึกโครม นายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ ของญี่ปุ่น ประกาศสร้าง “วงจรการเติบโตเชิงบวก” ด้วยมาตรการมากมายที่เป็นมิตรต่อธุรกิจ และการฟื้นฟูผลักดันให้โอนย้ายทุ่มเททรัพยากรเข้าสู่ภาคส่วนเศรษฐกิจที่มีศักยภาพการเติบโตสูง เช่น โครงสร้างพื้นฐาน บริการทางการแพทย์ และพลังงาน
“หากเราสามารถบรรลุสถานการณ์แห่งการเจริญเติบโตเช่นนี้ได้สำเร็จ รายได้ประชาชาติเ (จีเอ็นไอ) เฉลี่ยต่อหัว (ของญี่ปุ่น) จะกลับเป็นตรงกันข้ามจากแนวโน้มแห่งการหดตัวในปัจจุบัน และในที่สุดจะมีอัตราเติบโตในระดับ 3% ต่อปีทีเดียว ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ผมเชื่อว่า จีเอ็นไอต่อหัวจะเพิ่มขึ้นจากระดับปัจจุบันอีกกว่า 1.5 ล้านเยน (ราว 15,000 ดอลลาร์) ภายใน 10 ปี”
จากข้อมูลล่าสุด ในปี 2011 จีเอ็นไอต่อหัวของญี่ปุ่นอยู่ที่ 45,180 ดอลลาร์ เป็นอันดับที่ 17 ของโลก
การเพิ่มรายได้ของประชาชน มีความสำคัญอย่างมากต่อความสำเร็จของเป้าหมายของอาเบะในการยุติภาวะเงินฝืดและเศรษฐกิจซบเซานานนับสิบปีของแดนอาทิตย์อุทัย ที่ทำให้จีนได้โอกาสแซงหน้าญี่ปุ่นขึ้นเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของโลกในขณะนี้
นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว อาเบะประกาศใช้มาตรการต่างๆ เพื่อฟื้นเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่อันดับ 3 ของโลก ตามแผนการ “อาเบะโนมิกส์” ที่เขาระบุว่าประกอบด้วยลูกศร 3 ดอก
สองดอกแรกคือ มาตรการใช้จ่ายอย่างมากมายมหึมาของรัฐบาล และการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินแบบสุดขีดจากธนาคารกลางนั้น ได้มีการปฏิบัติและเริ่มแสดงผลแล้ว ด้วยการส่งให้ค่าเงินเยนอ่อนตัวลงและตลาดหุ้นพุ่งกระฉูด
สำหรับดอกที่สามคือ ยุทธศาสตร์การเติบโตและการปฏิรูปต่างๆ ในเชิงโครงสร้างนั้น ดูเหมือนซับซ้อนกว่า และเอเบะระบุว่ายังจะต้องรอการเปิดเผยรายละเอียดทั้งหมดในช่วงต่อไปของเดือนนี้ พร้อมกับย้ำว่าจุดมุ่งหมายของลูกศรดอกนี้ก็คือ การกระตุ้นให้เกิด “การระเบิดตูมตามของความแข็งแกร่งกระฉับกระเฉงของภาคเอกชน”
คำปราศรัยของอาเบะครั้งนี้มีขึ้นก่อนหน้าการเลือกตั้งสมาชิกสภาสูงที่คาดว่าจะจัดขึ้นกลางเดือนหน้า และพรรคลิเบอรัล เดโมเครติก ปาร์ตี้ (แอลดีพี) ของเขาจะต้องคว้าชัยชนะมาให้ได้เช่นเดียวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาล่างเมื่อปลายปีที่แล้ว เพื่อให้สามารถผลักดันมาตรการต่างๆ ในรัฐสภาอย่างราบรื่น
อย่างไรก็ดี ผู้สังเกตการณ์จำนวนมากวิจารณ์ว่า คำปราศรัยล่าสุดคราวนี้เป็นการเพียงแสดงรายการเป้าหมายสวยหรู มากกว่าโรดแมปวิธีการบรรลุเป้าหมายเหล่านั้น ผู้เล่นในตลาดบางส่วนยังผิดหวังที่อาเบะไม่กล่าวถึงข้อเสนอจัดตั้งกองทุนสาธารณะมูลค่า 2 ล้านล้านเยนที่จะลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้น เพื่อสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้น แม้รัฐบาลอาจเปิดเผยแนวคิดนี้ในเวลาต่อไปก็ตาม
ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์โตเกียวแสดงปฏิกิริยาเชิงลบอย่างรวดเร็ว โดยดัชนีนิกเกอิดิ่งลง 3.83% ปิดที่ 13,014.87 ซึ่งเป็นสถิติต่ำสุดในรอบสองเดือน
อาเบะที่สัญญาว่า จะเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมในช่วงต่อไปของเดือนนี้ กล่าวว่า เขาต้องการปฏิรูประบบภาษีที่จะช่วยสร้างเขตเศรษฐกิจใหม่ รวมถึงลดระเบียบจุกจิกของระบบราชการในภาคที่ยังมีการควบคุมเข้มงวด เช่น พลังงาน การแพทย์ และโครงสร้างพื้นฐาน
ผู้นำแดนอาทิตย์อุทัยแจงว่า เขตเศรษฐกิจเชิงยุทธศาสตร์แห่งชาติจะทำให้โตเกียวและเมืองใหญ่อื่นๆ กลายเป็นเมืองที่อำนวยความสะดวกง่ายดายขึ้นสำหรับพวกบริษัทระหว่างประเทศ และเสริมว่า เขาต้องการให้โตเกียวเป็นศูนย์กลางธุรกิจของโลก เคียงบ่าเคียงไหล่กับนิวยอร์กและลอนดอน
เขตเศรษฐกิจพิเศษยังหมายถึงการทบทวนกฎระเบียบเพื่อให้พวกโรงเรียนนานาชาติและแพทย์ต่างชาติดำเนินกิจการและปฏิบัติงานได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้รัฐบาลยังเตรียมอนุญาตการขายยาที่ไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์ทางอินเทอร์เน็ต ตามแผนใช้ช่องทางการสื่อสารนี้กระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ
อาเบะยังมีเป้าหมายเพิ่มการลงทุนของต่างชาติในญี่ปุ่นเป็น 35 ล้านล้านเยนภายในปี 2020 นอกจากนั้น ก่อนหน้านี้เขายังประกาศแผนเพิ่มมูลค่าการส่งออกโครงสร้างพื้นฐาน เช่น รถไฟหัวกระสุนและโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ 3 เท่าตัวเป็น 30 ล้านล้านเยนภายในปี 2020 เช่นกัน
ผู้นำญี่ปุ่นยังต้องการเพิ่มการลงทุนของภาคเอกชนเป็นกว่า 70 ล้านเยน เท่ากับช่วงก่อนที่เลห์แมน บราเธอร์สจะล่มและฉุดระบบการเงินโลกถล่มตามไปด้วยในปี 2008