รอยเตอร์ - ตลอดเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมามีชาวอิรักถูกสังหารไปไม่ต่ำกว่า 1,000 คนจากเหตุรุนแรงซึ่งปะทุหนักหน่วงที่สุด นับตั้งแต่เกิดสงครามแบ่งแยกฝักฝ่ายในอิรักเมื่อ 5 ปีที่แล้ว องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) แถลงวันนี้(1)
สถิติการโจมตีที่พุ่งสูงขึ้นตั้งแต่เดือนเมษายนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปเกือบ 2,000 ราย เช่นเดียวกับที่กลุ่มติดอาวุธมุสลิมซุนนีและเครือข่ายอัลกออิดะห์เคยยุยงสร้างความแตกแยกระหว่างชุมชน จนส่งนำไปสู่การสังหารพลเมืองอิรักหลายหมื่นคนเมื่อช่วงปี 2006-2007
เหตุรุนแรงในระยะนี้เป็นผลมาจากความขัดแย้งระหว่างผู้นำรัฐบาลอิรักซึ่งเป็นมุสลิมนิกายชีอะห์ กับมุสลิมซุนนีกลุ่มน้อยที่ออกมาประท้วงเรียกร้องให้รัฐหยุดแบ่งแยกกีดกันพวกเขา
สงครามกลางเมืองในซีเรียซึ่งเกิดจากการลุกฮือของกลุ่มกบฎนิกายซุนนี รวมไปถึงกระแสความไม่พอใจชองชาวมุสลิมซุนนีในอิรัก มีส่วนช่วยให้อัลกออิดะห์และกลุ่มติดอาวุธอื่นๆสามารถยึดคืนพื้นที่หลายเมืองที่เคยเสียอิทธิพลไประหว่างสหรัฐฯบุกยึดอิรัก