เอเจนซีส์ -ชาวอิรักจำนวนมากกว่า 70 คน เสียชีวิตในคลื่นการวางระเบิดมากกว่า 20 ครั้งในย่านการค้าเขตชุมชนมุสลิมชีอะห์ ที่กรุงแบกแดดในวันจันทร์(27)ที่ผ่านมา นับเป็นความรุนแรงทางศาสนาหนักที่สุดในอิรัก
จนถึงขณะนี้ยังไม่มีกลุ่มใดประกาศความรับผิดชอบในการลอบวางระเบิดออกมาอย่างเป็นทางการ แต่ในช่วงที่ผ่านมากลุ่มหัวรุนแรงมุสลิมซุนนีที่มีความเกี่ยวพันกับกลุ่มอัลกออิดะห์ได้เพิ่มการโจมตีบ่อยครั้งโดยพุ่งเป้าไปย่านชุมชนมุสลิมชีอะห์ และการโจมตีด้วยระเบิดครั้งล่าสุดในวันจันทร์ (27) ใช้วิธีการเดียวกับที่กลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงซุนนีมักใช้เป็นประจำคือ การใช้ระเบิดตั้งเวลา ที่มุ่งหวังให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
จากระเบิดที่มากกว่า 20 ครั้งเกิดขึ้นในย่านการค้าที่มีคนหนาแน่นตามเขตชุมชนของชาวมุสลิมชีอะห์อาศัยอยู่ รวมทั้ง 2 ลูกที่ระเบิดออกมาติดๆกันถูกวางอยู่ห่างกันออกไปไม่กี่ 100 ฟุต นอกเมืองซาดร์ซิตี ที่อยู่ทางตอนเหนือของกรุงแบกแดด คร่าชีวิตไป 13 ราย จากการรายงานของรอยเตอร์
“คนขับรถคันหนึ่งแกล้งขับรถชนแล้วเดินลงจากรถไป ทำทีเป็นไปตามตำรวจจราจร” ผู้เห็นเหตุการณ์รายหนึ่งให้ข้อมูลกับรอยเตอร์ พร้อมเผยต่อว่า "จากนั้นมีรถอีกคันตรงมารับชายคนนั้นจากไป และเพียงไม่นาน รถของชายที่ทำทีจะไปหาตำรวจจราจรก็เกิดระเบิดขึ้นท่ามกลางชาวอิรักที่มุงดูเหตุการณ์อยู่ พวกเขาต่างตะโกนขอให้ช่วย บาดเจ็บ และมีเลือดไหลบริเวณใบหน้า”
นอกจากนี้ สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า มีระเบิดเกิดขึ้นอีกแห่งที่ถนนซูดาวน์ ย่านศูนย์การค้าที่คับคั่งใจกลางกรุงแบกแดด ทำให้มีเด็กอายุ 4 ขวบ เสียชีวิตจากการระเบิดในครั้งนี้
ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลอิรักชุดปัจจุบันที่เป็นพวกมุสลิมชีอะห์และชาวมุสลิมซุนนีเริ่มตึงเครียดตั้งแต่สหรัฐฯถอนกองกำลังไปตั้งแต่ปลายปี 2011 และสงครามกลางเมืองซีเรียก็ดูจะทำให้สถานการณ์ในอิรักมีความเปราะบางมากขึ้น