เอเอฟพี/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - เกิดเหตุระเบิดหลายระลอกในย่านที่อยู่อาศัยของชาวมุสลิมนิกายชีอะห์ ในกรุงแบกแดดของอิรัก เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 23 ราย ในวันพฤหัสบดี (15) โดยเหตุโจมตีที่มีชาวมุสลิมชีอะห์เป็นเป้าหมายนี้เกิดขึ้นเพียงวันเดียว หลังจากนายกรัฐมนตรี นูริ อัล-มาลิกิ ออกมาประกาศกร้าวจะกวาดล้างกลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงภายในประเทศ
รายงานข่าวระบุว่า เกิดระเบิดคาร์บอมบ์อย่างน้อย 6 ครั้ง และระเบิดที่วางไว้ข้างถนนอีก 1 ครั้ง ในพื้นที่ 6 เขตของกรุงแบกแดด ในวันพฤหัสบดี (15) โดยในจำนวนนี้มี 5 เขตที่เป็นที่ตั้งชุมชนของชาวมุสลิมชีอะห์ เป็นเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 23 คน และได้รับบาดเจ็บมากกว่า 70 ราย
หนึ่งในการโจมตีที่นองเลือดที่สุดคือ เหตุคาร์บอมบ์ที่สถานีรถโดยสารในย่านคาดิมิเยาะห์ ทางตอนเหนือของกรุงแบกแดด ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 7 คน และบาดเจ็บอีก 24 คน
จนถึงขณะนี้ยังไม่มีกลุ่มใดออกมาอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุรุนแรงล่าสุด แต่เป็นที่คาดกันว่ากลุ่มติดอาวุธของพวกมุสลิมหัวรุนแรงนิกายซุนนีจะอยู่เบื้องหลัง
ก่อนหน้านี้ในวันพุธ (14) เพิ่งเกิดเหตุระเบิดที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ทางตอนเหนือของกรุงแบกแดด ทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 17 ราย
ทั้งนี้ ข้อมูลที่ได้จากการรวบรวมของสำนักข่าวเอเอฟพี ระบุว่า เฉพาะในปีนี้มีผู้เสียชีวิตจากเหตุรุนแรงในอิรักแล้วมากกว่า 3,460 ราย หรือเฉลี่ย 15 ศพต่อ 1 วัน
ขณะที่ข้อมูลของทางการอิรักชี้ว่า ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาเพียงเดือนเดียว ก็มีผู้เสียชีวิตจากการโจมตีทั่วประเทศเกือบ 1,000 ราย ส่งผลให้เดือนกรกฎาคมปีนี้เป็นเดือนที่เกิดการนองเลือดที่สุดในอิรักในรอบ 5 ปี
