ซิดนีย์มอร์นิงเฮรัลด์ - หมอกหนาทึบปกคลุมซิดนีย์ ออสเตรเลีย เมื่อเช้าวันอังคาร(28) ส่งผลกระทบต่อเที่ยวบินระหว่างประเทศต้องเปลี่ยนเส้นทางการบินและบางส่วนต้องเดินทางล่าช้า เรือโดยสารข้ามฟากถูกระงับให้บริการชั่วคราวและการสัญจรบนท้องถนนเป็นไปอย่างลำบาก ขณะที่สื่อมวลชนเผยแพร่คลิปเมืองทั้งเมืองจมอยู่ใต้ทะเลหมอก ภาพน่าอัศจรรย์ราวกับฉากในภาพยนตร์แนววิทยาศาสตร์
ร็อบ ชาร์ฟ เจ้าหน้าที่ของศูนย์อุตุนิยมวิทยาเผยว่า ในบางพื้นที่ของซิดนีย์นั้นทัศนวิสัยเหลือแค่ 100 เมตร ส่วนที่สนามบินซิดนีย์ ณ เวลาประมาณ 07.00 น.(ตามเวลาท้องถิ่น) สามารถมองเห็นได้แค่ในระยะต่ำกว่า 400 เมตร อันเป็นผลให้เครื่องบินต้องเบี่ยงเส้นทาง
โฆษกหญิงของสนามบินซิดนีย์เผยว่า “เที่ยวบินภายในประเทศ 1 เที่ยวและเที่ยวบินนานาชาติ 27 เที่ยวต้องเบี่ยงเส้นทาง อย่างไรก็ตาม โดยรวมแล้วเที่ยวบินภายในประเทศได้รับผลกระทบต่อเนื่องมากกว่า”
เธอบอกต่อว่าจำเป็นต้องเลื่อนเที่ยวบินภายในประเทศที่มีกำหนดขึ้นบินระหว่างเวลา 06.00 น.ถึง07.00 น.ออกไป เป็นผลให้เหล่าผู้โดยสารในซิดนีย์ และเมลเบิร์น ต้องเจอโรคเลื่อนยาวนานหลายชั่วโมง โดยมีรายงานว่าผู้โดยสารบางส่วนที่ท่าอากาศยานในซิดนีย์และเมลเบิร์น ต้องนั่งรอนานสูงสุดถึง 3 ชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม เข้าสู่ช่วงสายสถานการณ์เริ่มคลี่คลายเล็กน้อย ด้วยระยะเวลาการขึ้นบินล่าช้าลดลงมาเหลือแค่ราวๆ 15 ถึง 20 นาทีเท่านั้น ก่อนที่สนามบินสามารถกลับมาให้บริการได้ตามปกติเวลาประมาณ 10.30 น.
ด้านบริการเรือข้ามฟากอ่าวซิดนีย์และแม่น้ำพาร์รามัตตา กลับมาให้บริการได้อีกครั้งตอนเวลาประมาณ 09.45 น. หลังจากต้องระงับให้บริการเป็นเวลาเกือบ 3 ชั่วโมง ขณะเดียวกันก็มีรายงานพบเห็นอุบัติเหตุบนท้องถนนหลายต่อหลายจุดท่ามกลางทัศนวิสัยที่เลวร้าย แม้ทางศูนย์บริหารงานด้านคมนาคมได้ออกคำเตือนให้ประชาชนขับขี่อย่างช้าๆ และด้วยความระมัดระวังแล้วก็ตาม
ชาร์ฟเผยว่า บางพื้นที่เริ่มมองเห็นได้ชัดเจนหลังจากเวลา 08.30 น. แต่ก็มีบางพื้นที่ที่หมอกจากปกคลุมหนาทึบจนกระทั่งเวลา 10.00 น. นอกจากนี้เขาระบุว่า ฝนตกลงมาเมื่อค่ำคืนวันจันทร์ (27) กระแสลมอ่อนๆ ประกอบกับความชื้นสูงคือต้นตอของหมอกที่ลงจัดครั้งนี้
“ข้อเท็จจริงคือ ด้วยกระแสลมที่ยังอ่อนในพื้นที่ซิดนีย์ นั่นจึงหมายความว่าหมอกไม่สลายตัวไป มันจำเป็นต้องมีความร้อนจากแรงอาทิตย์และกระแสลมแรง แต่ด้วยที่ภาวะค่อยเป็นค่อยไปตอนเช้าวันนี้ เราจึงเห็นว่าต้องใช้เวลานานกว่าหมอกจะสลายตัวไป”