เอเอฟพี - รัฐบาลญี่ปุ่นประณามหนังสือพิมพ์รายวันชื่อดังของเกาหลีใต้ว่ามีพฤติกรรม “น่าอัปยศ” หลังเสนอความคิดเห็นผ่านบทบรรณาธิการว่า การทิ้งระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิมาและนางาซากิคือ “บทลงโทษจากกสวรรค์”
บทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ จุงอัง อิลโบ ฉบับภาษาเกาหลีและภาษาอังกฤษเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา(20) ชี้ว่า ระเบิดปรมาณู 2 ลูกซึ่งเครื่องบินสหรัฐฯทิ้งลงสู่ฮิโรชิมาและนางาซากิ เมื่อปี 1945 และสังหารพลเมืองญี่ปุ่นไปกว่า 200,000 คนนั้น “สมควรแล้ว”
“บ่อยครั้งที่พระเจ้าทรงยืมมือมนุษย์ให้สนองตอบความชั่วร้ายของมนุษย์ด้วยกัน” สื่อฉบับนี้บอก โดยแจกแจงถึงกิจกรรมอันเหี้ยมโหดต่างๆ ของ “หน่วย 731” (Unit 731) ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยลับที่ญี่ปุ่นนำเชลยสงครามจำนวนมากมาย มาเป็นหนูทดลองอาวุธเคมีและอาวุธชีวภาพ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
“เสียงกรีดร้อง (ของเชลยในห้องทดลอง) ดังก้องไปถึงสวรรค์ หลังจากนั้น ลูกระเบิดจึงร่วงพรูลงจากฟ้าสู่กรุงโตเกียว ส่วนฮิโรชิมาและนางาซากิก็ถูกทำลายด้วยระเบิดปรมาณู” จุงอัง อิลโบ ระบุ
บทบรรณาธิการดังกล่าวชี้ด้วยว่า ระเบิดกว่า 3,900 ตันที่เครื่องบินของกองทัพสหรัฐฯและอังกฤษทิ้งปูพรมใส่เมืองเดรสเดน ของเยอรมนี และระเบิดปรมาณู 2 ลูกที่ใช้ถล่มเมืองฮิโรชิมากับนางาซากิ คือ “บทลงโทษจากสวรรค์ และการแก้แค้นของมนุษย์” ทั้งนี้กรณีของเดรสเดนเป็นการตอบแทนความชั่วร้ายของกองทัพนาซีที่ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว ส่วนที่ญี่ปุ่นก็คือการแก้แค้นให้แก่ชาวเอเชียที่ต้องตกเป็นเหยื่อลัทธิชาตินิยมทหาร
ทางด้าน โยชิฮิเดะ สุกะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีและหัวหน้าโฆษกรัฐบาลญี่ปุ่น ได้ตำหนิข้อคิดเห็นดังกล่าวนี้ในสื่อเมืองโสมว่า “น่าอัปยศอดสู”
“เราขอประท้วงคณะเจ้าหน้าที่ของ จุงอัง อิลโบ อย่างรุนแรง... ญี่ปุ่นเป็นชาติเดียวในโลกที่เคยสัมผัสความโหดร้ายของระเบิดปรมาณู และเราจะไม่ให้อภัยต่อคำพูดเช่นนี้เป็นอันขาด” สุกะ แถลงต่อผู้สื่อข่าวที่กรุงโตเกียว วันนี้(23)
จุงอัง อิลโบ ยังกล่าวหาว่า รัฐบาลญี่ปุ่นและนายกรัฐมนตรี ชินโสะ อาเบะ ไม่เคยยอมรับว่ากองทัพจักรวรรดินิยมญี่ปุ่นเคยล่วงละเมิดพลเมืองชาติอื่นอย่างโหดร้ายที่สุด และเตือนทิ้งท้ายว่า “พระเจ้าอาจเห็นว่าบทลงโทษที่ญี่ปุ่นได้รับยังไม่สาสมพอ”
บทบรรณาธิการชิ้นนี้ถูกเผยแพร่ในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างโตเกียวกับโซลกำลังตึงเครียด จากคำพูดของ โทรุ ฮาชิโตะ นายกเทศมนตรีเมืองโอซากา ซึ่งออกมาแก้ต่างแทนประเทศของตัวเองว่า การเกณฑ์สตรีเป็นทาสบำเรอกามแก่ทหารญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้นคือสิ่งจำเป็นสำหรับกองทัพ
นักประวัติศาสตร์กระแสหลักระบุตรงกันว่า มีสตรีราว 200,000 คนจากเกาหลี, จีน, ฟิลิปปินส์ และประเทศอื่นๆในเอเชีย ถูกญี่ปุ่นเกณฑ์มาเป็น “สตรีเพื่อการผ่อนคลาย” (comfort women) ในช่วงสงครามมหาเอเชียบูรพา
จีนและเกาหลีใต้ยังขุ่นเคืองพฤติกรรมของ ส.ส.ญี่ปุ่นที่แห่ไปสักการะศาลเจ้ายาสุกุนิในกรุงโตเกียวเป็นประจำทุกปี โดยศาลเจ้าแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อบูชาดวงวิญญาณชาวญี่ปุ่น 2.5 ล้านคนที่เสียชีวิตในสงครามครั้งต่างๆ รวมถึงอดีตผู้นำเมืองปลาดิบ 14 คนในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ถูกศาลฝ่ายสัมพันธมิตรตัดสินให้เป็นอาชญากรสงคราม