ชักมองหน้าไม่ติด ญี่ปุ่นเมินจีน-เกาหลีใต้โวยยกโขยงเยือน “ศาลสงคราม”

เอเอฟพี - นายชินโสะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นวันพุธ (24) ปกป้องคณะรัฐมนตรีที่ถูกจีนและเกาหลีใต้ประท้วงอย่างดุเดือด ต่อกรณีเดือนทางไปสักการะศาลเจ้ายาสุกุนิในกรุงโตเกียว ที่ถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งการรุกรานช่วงสงครามโลก ระบุเป็นเสรีภาพการแสดงออก

จีนและเกาหลีใต้ ประท้วงต่อกรณีนายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ ส่งรองนายกรัฐมนตรี ทาโร อาโสะ และรัฐมนตรีอีก 2 คน เป็นตัวแทนนำต้นสนไปสักการะศาลเจ้ายาสุกุนิเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา จากนั้นในวันอังคาร (23) เหล่า ส.ส.ของญี่ปุ่นอีก 168 คนก็เดินทางไปเยือนศาลเจ้าในกรุงโตเกียวแห่งนี้ เพื่อสักการะดวงวิญญาณชาวญี่ปุ่น 2.5 ล้านคนที่เสียชีวิตระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 รวมถึงอดีตผู้นำญี่ปุ่น 14 คนที่ถูกศาลสัมพันธมิตรตราหน้าว่าเป็นอาชญากรสงคราม

“คณะรัฐมนตรีของผมจะไม่ยอมจำนนต่อคำข่มขู่ใดๆ” อาเบะกล่าวต่อที่ประชุมรัฐสภา ตามรายงานของสำนักข่าวเกียวโดนิวส์ “มันคือสิทธิเสรีภาพแห่งการแสดงออกถึงความเคารพตามปกติและเป็นการสักการะต่อดวงวิญญาณอันสูงส่งของผู้ที่เสียชีวิตในสงคราม”

อาเบะกล่าวด้วยว่า “หน้าที่หนึ่งของเขาก็คือปกป้องเกียรติภูมิของประชาชนชาวญี่ปุ่นที่ก่อร่างสร้างขึ้นจากประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม รวมถึงปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติ” สำนักข่าวเกียวโดนิวส์ระบุ

ความเห็นของนายกรัฐมนตรีแดนปลาดิบรายนี้มีขึ้นหลังจากนางปาร์ค กึน-เฮ ประธานาธิบดีหญิงเกาหลีใต้ เตือนญี่ปุ่นเมื่อวันพุธ (24) ว่ากำลังซ้ำเติมบาดแผลในอดีต ตามหลังการเยือนศาลเจ้าดังกล่าวของเหล่านักการเมืองโตเกียว

“ญี่ปุ่นควรปรองดองกับประชาคมนานาชาติ” นางปาร์คให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ยอนฮับ “หากพวกเขาอ้างแต่สิทธิ ความสัมพันธ์กับเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือและชาติในทวีปเอเชียอื่นๆ ก็จะมีปัญหา หากญี่ปุ่นแลเห็นประวัติศาสตร์ต่างออกไปและยังซ้ำเติมบาดแผลในอดีต มันก็เป็นเรื่องยากที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่คุ้นเคยในอนาคต”

ขณะเดียวกัน ทางจีนก็ดำเนินการประท้วงต่อการเยือนดังกล่าว โดย หัวชุนอิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศปักกิ่งบอกกับผู้สื่อข่าวว่า ญี่ป่นควรแก้ไขพฤติกรรมในอดีต “มันไม่ใช่ประเด็นว่ามีเหล่าผู้นำญี่ปุ่นจำนวนเท่าใดที่เดินทางเยือนศาลยาสุกุนิ หรือเป็นการเยือนในรูปแบบใด แต่หลักสำคัญก็คือมันเป็นความพยายามปฏิเสธประวัติศาสตร์การรุกรานผ่านกำลังหทารของญี่ปุ่น”

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนกล่าวต่อด้วยว่า “ประเด็นที่ว่าญี่ปุ่นมีมุมมองทางประวัติศาตร์และมีแนวทางจัดการกับศาลเจ้ายาสุกุนิอย่างไร คือเกณฑ์สำคัญสำหรับชาติเพื่อนบ้านในเอเชียและประชาคมนานาชาติในการสังเกตและทราบถึงบทบาทที่ญี่ปุ่นจะเป็นในอนาคต”