เอเอฟพี - รัฐบาลเกาหลีใต้เรียกทูตญี่ปุ่นเข้าพบเพื่อยื่นหนังสือประท้วงการเดินทางไปสักการะศาลวีรบุรุษสงครามของบรรดารัฐมนตรีญี่ปุ่นในสัปดาห์นี้ ขณะที่นักเคลื่อนไหวชาวโสมขาวกลุ่มใหญ่เผาทำลายหุ่นนายกรัฐมนตรี ชินโสะ อาเบะ และธงกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่น ที่หน้าสถานทูตญี่ปุ่นในกรุงโซล วันนี้ (25)
คิม คิว-ฮยุน ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้คนที่หนึ่ง แจ้งต่อเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น โกโร เบสโช ว่ารัฐบาลโตเกียวควรตระหนักถึง “ความเจ็บปวดและความเสียหายใหญ่หลวง” ที่กองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นเคยก่อไว้กับประเทศเพื่อนบ้านอย่างเกาหลีใต้
“เราเสียใจที่รัฐบาลและนักการเมืองญี่ปุ่นเข้าใจประวัติศาสตร์ผิดเพี้ยน และแสดงความคิดเห็นไม่ถูกกาลเทศะเช่นนี้” ถ้อยแถลงของคิมระบุ
ศาลเจ้ายาสุกุนิใจกลางกรุงโตเกียวถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่สักการะดวงวิญญาณชาวญี่ปุ่น 2.5 ล้านคนที่เสียชีวิตในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 รวมถึงอดีตผู้นำเมืองปลาดิบ 14 รายที่ถูกศาลฝ่ายสัมพันธมิตรตราหน้าว่าเป็นอาชญากรสงคราม ทว่า จีนและเกาหลีใต้กลับมองว่า ศาลเจ้าแห่งนี้ก็คือสัญลักษณ์แห่งความโหดร้ายป่าเถื่อนของญี่ปุ่นในอดีต
หลังจากคิมเข้าพบทูตเบสโชได้ไม่กี่ชั่วโมง นักเคลื่อนไหวชาวเกาหลีใต้หลายสิบคนก็ได้เดินทางไปชุมนุมที่หน้าสถานทูตญี่ปุ่น พร้อมชูข้อความต่อต้านแดนอาทิตย์อุทัย และเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ ขออภัยในการกระทำของบรรดา ส.ส.ญี่ปุ่น
ตำรวจกรุงโซลพยายามเข้าขัดขวางเมื่อผู้ประท้วงจุดไฟเผาหุ่นนายกรัฐมนตรีอาเบะ และธงกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่น ทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกันเล็กน้อย ทว่าไม่มีผู้บาดเจ็บและไม่มีผู้ใดถูกจับกุม
หลังทราบเรื่องที่ทูตญี่ปุ่นถูกตามตัวเข้าไปรับหนังสือประท้วงจากโซล โยชิฮิเดะ สุกะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นและโฆษกรัฐบาล ได้ออกมาแถลงย้ำจุดยืนของอาเบะ ซึ่งเห็นว่า การสักการะศาลเจ้ายาสุกุนิเป็นเรื่องสมควรแล้ว
“ผมคิดว่าการแสดงความเคารพต่อบุคคลที่เสียสละชีวิตเพื่อชาติ เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับทุกประเทศ” สุกะ แถลงต่อสื่อมวลชนในกรุงโตเกียว
“เกาหลีใต้และจีนคือมิตรประเทศที่มีความสำคัญต่อเรา เราไม่ปรารถนาให้เรื่องศาลเจ้ายาสุกุนิมาทำลายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ”
ด้านโฆษกกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ โช ไท-ยัง ชี้ว่า คำตอบของสุกะ “ไม่เข้าเรื่อง” ส่วนรัฐบาลจีนก็แถลงตอบโต้เช่นกันว่าญี่ปุ่นตอบไม่ตรงประเด็น
“การที่ผู้นำญี่ปุ่นยังไปเยือนศาลเจ้ายาสุกุนิ ไม่ว่าจะในลักษณะใดก็ตาม เท่ากับเป็นการไม่ยอมรับประวัติศาสตร์การรุกรานผู้อื่นของญี่ปุ่น” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน หวา ชุนอิง แถลงที่กรุงปักกิ่ง
“เราเชื่อเสมอว่า การมองประวัติศาสตร์เป็นกระจกเงาเท่านั้นที่จะทำให้ญี่ปุ่นก้าวต่อไปข้างหน้าได้” เธอกล่าว