xs
xsm
sm
md
lg

อดีตผู้นำเผด็จการกัวเตมาลาถูกตัดสินจำคุก 80 ปีฐาน “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เอเฟรน ริออส มอนต์ อดีตผู้นำเผด็ตการกัวเตมาลา วัย 86 ปี ถูกศาลในประเทศตัดสินจำคุกรวม 80 ปี ด้วยความผิดฐานก่ออาชญากรรมสงครามและฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ระหว่างที่ปกครองประเทศในช่วงปี 1982-1983
เอเอฟพี - ศาลกัวเตมาลาพิพากษาจำคุกอดีตผู้นำเผด็จการ เอเฟรน ริออส มอนต์ เป็นเวลา 80 ปี ฐานก่ออาชญากรรมสงครามและฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชนกลุ่มน้อยในประเทศ ระหว่างที่กัวเตมาลาต้องเผชิญกับสงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อนานร่วม 4 ทศวรรษ วานนี้(10)

ริออส มอนต์ ถือเป็นผู้นำประเทศคนแรกในโลกที่ถูกศาลในบ้านตัวเองตัดสินว่ามีความผิดฐานฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ซึ่งเป็นผลพวงจากสงคราม 36 ปีที่ปะทุขึ้นเมื่อปี 1960 และทำให้มีประชาชนเสียชีวิตหรือสูญหายไปราว 200,000 คน

ริออส มอนต์ และอดีตผู้อำนวยการข่าวกรอง โฮเซ โรดริเกซ ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้สั่งการให้กองทัพสังหารชนกลุ่มน้อยชาวมายา 1,771 คนในเขตกีเช (Quiche) ทางตอนเหนือของกัวเตมาลา แต่ท้ายที่สุดศาลตัดสินให้ โรดริเกซ ปราศจากความผิดในข้อนี้

ริออส มอนต์ วัย 86 ปี ถูกตัดสินจำคุก 50 ปีฐานฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และอีก 30 ปีในข้อหาก่ออาชญากรรมสงคราม ซึ่งทันทีที่ศาลประกาศคำตัดสิน บรรดาผู้รอดชีวิตและครอบครัวของเหยื่อต่างก็ส่งเสียงเฮลั่นด้วยความดีใจ ขณะที่อดีตผู้นำเผด็จการกัวเตมาลามีสีหน้าเรียบเฉยตลอดเวลาที่ศาลอ่านคำพิพากษา และเพียงแต่พยักหน้ารับรู้เมื่อผู้พิพากษาสั่งยกเลิกการกักบริเวณในบ้านพักและให้ส่งตัวเขาเข้าสู่เรือนจำแทน

หลังจากนั้น ริออส มอนต์ ได้ให้สัมภาษณ์ต่อกองทัพสื่อมวลชนที่มาทำข่าวว่า ตนยังมีสติสัมปชัญญะดี พร้อมเย้ยหยันคำตัดสินของศาลว่า “นี่เป็นแค่ละครการเมืองระดับนานาชาติซึ่งจะสร้างความปวดร้าวใจต่อชาวกัวเตมาลาทั้งประเทศ แต่เราไม่วิตกทุกข์ร้อนอะไร เพราะมือของเราไม่เคยเปื้อนเลือดพี่น้องร่วมชาติ”

“ผมไม่โศกเศร้าเสียใจอะไรเลย เพราะผมปฏิบัติไปตามกฎหมาย” ริออส มอนต์ กล่าว พร้อมยืนยันว่าตนทำถูกแล้วที่ได้กวาดล้างพวกกบฎ ซึ่งถือเป็น “ตัวปัญหาของชาติ”

ริออส มอนต์ ทำการปฏิวัติยึดอำนาจเมื่อปี 1982 และปกครองกัวเตมาลาต่อมาอีกปีกว่าๆ ซึ่งระหว่างนั้นถือเป็น “ยุคมืด” ที่กัวเตมาลาต้องผจญสงครามกลางเมืองระหว่างกองทัพและกบฎฝ่ายซ้าย รวมถึงการปราบปรามชนกลุ่มน้อยซึ่งรัฐบาลกล่าวหาว่าหนุนหลังพวกกบฎ

ประเทศอื่นๆในละตินอเมริกา เช่น ชิลี, บราซิล และอาร์เจนตินา ล้วนเคยถูกปกครองด้วยระบอบเผด็จการทหารมาแล้วในทศวรรษ 1970-80 และต่อมาอดีตผู้นำหรือเจ้าหน้าที่ระดับสูงเหล่านี้ก็ถูกศาลยุคหลังๆตัดสินว่ามีความผิดฐานล่วงละเมิดพลเมือง แต่ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ศาลหยิบยื่นความผิดฐานฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ต่ออดีตผู้นำในภูมิภาคนี้

นักเคลื่อนไหวอธิบายด้วยว่า คำพิพากษาของศาลกัวเตมาลาถือเป็นคำคัดสินครั้งประวัติศาสตร์ เพราะเป็นครั้งแรกในโลกที่ศาลของประเทศหนึ่งตัดสินว่าพลเมืองตนเองมีความผิดฐานฆ่าล้างเผ่าพันธุ์


กำลังโหลดความคิดเห็น