ศาลเขมรแดงปรับโครงสร้างลดค่าใช้จ่าย เร่งพิจารณาอดีตแกนนำที่เหลือ

เอเอฟพี - กัมพูชาระบุวันนี้ (10) ว่า จะลดขนาดศาลอาชญากรรมสงครามเขมรแดง หลังประสบปัญหาขาดแคลนเงินทุนที่ขัดขวางการพิจารณาคดีอดีตแกนนำเขมรแดง

“เรามีวิกฤตทางการเงินที่ศาล ดังนั้น เราต้องปรับโครงสร้างการดำเนินงานให้มีขนาดเล็กลงเพื่อลดค่าใช้จ่าย” นายเอก ธา โฆษกรัฐบาลกัมพูชากล่าว แต่ไม่ระบุว่าจะมีพนักงานมากน้อยเท่าใดที่จะได้รับผลกระทบจากการปรับโครงสร้างครั้งนี้

นายลาร์ส โอลเซน โฆษกศาลเขมรแดง กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญนี้ว่า ศาลกำลังพิจารณาทบทวนความต้องการพนักงานของศาลเพื่อให้แน่ใจว่าศาลเราจะเสียค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ

ศาลเขมรแดงที่สหประชาชาติให้การสนับสนุนมักประสบปัญหาขาดแคลนทุนนับตั้งแต่ก่อตั้งศาลขึ้นในปี 2549 เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้แก่ผู้ที่เสียชีวิตไปมากถึง 2 ล้านคน ภายใต้การปกครองของเขมรแดงในปลายทศวรรษ 1970

การผละงานประท้วงนาน 2 สัปดาห์ของเจ้าหน้าที่ชาวกัมพูชาเมื่อเดือนก่อนเนื่องจากปัญหาเงินเดือนค้างชำระ ส่งผลให้การพิจารณาคดีอดีตแกนนำเขมรแดงต้องหยุดชะงัก สร้างความวิตกว่าอดีตแกนนำเขมรแดงเหล่านี้อาจจะไม่มีชีวิตอยู่ทันได้รับฟังคำพิพากษา หลังจากนายเอียง สารี หนึ่งในจำเลย ได้เสียชีวิตลงเมื่อเดือนก่อน

เจ้าหน้าที่ฝ่ายสหประชาชาติ และฝ่ายกัมพูชาต่างกำลังร่างข้อเสนอแนะสำหรับศาลเพื่อที่จะเร่งการพิจารณาผู้ต้องสงสัยที่เหลืออยู่อีก 2 คน

“จำเลยที่สูงอายุ และปัญหาทางการเงินส่งผลให้เราต้องแนะนำผู้พิพากษา และอัยการเร่งกระบวนการพิจารณาคดี แต่ไม่ได้หมายความว่าเราต้องการให้พวกเขาใช้ทางลัด” นายเอก ธา กล่าว

นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่จะเข้าพบกับตัวแทนผู้บริจาคเพื่อระดมทุนเพิ่มเติมสำหรับศาลเมื่อแผนการลดขนาดเสร็จสิ้น

ฝ่ายกัมพูชาของศาลลูกผสมที่มีผู้บริจาครายใหญ่คือญี่ปุ่น สหภาพยุโรป และออสเตรเลีย มีความจำเป็นเร่งด่วนต้องใช้ทุนประมาณ 7 ล้านดอลลาร์ เพื่อจัดการกับค่าใช้จ่ายสำหรับปี 2556 นี้

การผละงานครั้งล่าสุดจบลงเมื่อปลายเดือน มี.ค. หลังกัมพูชาบรรลุข้อตกลงยืมเงินเพื่อนำมาจ่ายเงินเดือนจากงบประมาณสำหรับพนักงานต่างชาติ

การปกครองแบบคอมมิวนิสต์ที่นำโดยพอลพต ซึ่งเสียชีวิตในปี 2541 มีเป้าหมายต้องการสร้างสังคมแบบยูโทเปีย ทำให้ประชาชนจำนวนมากกว่า 2 ล้านคน ถูกสังหาร หรือเสียชีวิตเพราะความอดอยาก ถูกทรมาน และทำงานหนัก ในระหว่างปี 2518-2522

จำเลย 2 คนที่ยังเหลืออยู่ คือ นายนวน เจีย อดีตผู้นำหมายเลขสอง อายุ 86 ปี และนายเขียว สัมพัน อดีตประธานแห่งรัฐ อายุ 81 ต่างปฏิเสธข้อหาก่ออาชญากรรมสงคราม ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ.