เอเอฟพี - กบฎซีเรียนำแก๊สซารินซึ่งเป็นสารเคมีที่มีพิษร้ายแรงออกมาใช้ต่อสู้ทหารฝ่ายรัฐบาล ผู้ตรวจสอบด้านสิทธิมนุษยชนขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เผยวานนี้(5)
“จากหลักฐานที่เรารวบรวมได้ พบว่าฝ่ายกบฎมีการใช้อาวุธเคมี รวมถึงแก๊สพิษซาริน” คาร์ลา เดล ปอนเต ผู้ตรวจสอบของยูเอ็นและอดีตอัยการคดีอาชญากรรมสงคราม ให้สัมภาษณ์กับถานีวิทยุสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อค่ำวานนี้(5)
“เรายังต้องตรวจสอบให้แน่ชัดเพื่อยืนยันความถูกต้อง แต่จากข้อมูลที่มีอยู่ ฝ่ายที่นำแก๊สซารินออกมาใช้คือฝ่ายต่อต้านรัฐบาล” เธอกล่าวเสริม
เดล ปอนเต เน้นว่า กระบวนการตรวจสอบของคณะกรรมาธิการสอบสวนของสหประชาชาติว่าด้วยกรณีซีเรีย ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ และเป็นไปได้ว่า ในอนาคตอาจจะพบหลักฐานที่ยืนยันได้ว่า รัฐบาลซีเรียก็ใช้อาวุธเคมีประเภทนี้เช่นกัน
คณะทำงานชุดนี้จะเสนอผลการตรวจสอบต่อคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNHRC) ในการประชุมเดือนมิถุนายนนี้
ซาริน เป็นสารเคมีที่มีพิษต่อระบบประสาท คิดค้นขึ้นโดยนักวิทยาศาสตร์ของนาซีในช่วงทศวรรษ 1930 เพื่อใช้เป็นสารฆ่าแมลง ต่อมารัฐบาลอิรักนำไปใช้สังหารพลเมืองในหมู่บ้านชาวเคิร์ดที่เมืองฮาลับจา ทางตอนเหนือของประเทศ ก่อนที่สงครามอิรัก-อิหร่านจะสิ้นสุดลง ในปี 1988
เมื่อปี 1995 สาวกลัทธิโอมชินริเกียวในญี่ปุ่นเคยใช้แก๊สพิษชนิดนี้สังหารประชาชนในสถานีรถไฟใต้ดินกรุงโตเกียว จนมีผู้เสียชีวิตไป 13 ราย บาดเจ็บกว่า 1,000 คน
ข้อมูลจากศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคสหรัฐฯ ระบุว่า แก๊สซารินซึ่งไร้ทั้งสี, กลิ่น และรสชาติ สามารถซึมผ่านผิวหนังหรือเข้าสู่ร่างกายผ่านการสูดดม ผู้ที่ถูกสารพิษชนิดนี้จะมีอาการคลื่นไส้, ปวดศีรษะรุนแรง, สายตาพร่ามัว, น้ำลายไหลยืด, ชักกระตุก, ระบบหายใจล้มเหลว, หมดสติ ก่อนที่จะเสียชีวิต และหากได้รับในปริมาณมาก กล้ามเนื้อที่ปอดจะเป็นอัมพาต และสารพิษจะไปกระตุ้นให้ร่างกายผลิตสารคัดหลั่งตลอดเวลา ส่งผลให้น้ำมูกและน้ำลายไหลลงปอดจนเหยื่อขาดใจตายในที่สุด
สารพิษซารินแม้ในปริมาณเล็กน้อย หากเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจหรือสัมผัสกับผิวหนัง ก็อาจทำให้เหยื่อเสียชีวิตได้