เอเจนซี - นักธุรกิจชาวอังกฤษรายหนึ่งถูกศาลกรุงลอนดอน ตัดสินว่ามีความผิดฐานฉ้อโกงเมื่อวันอังคาร (23) หลังทำเงินหลายล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการหลอกขายอุปกรณ์ตรวจจับวัตถุระเบิด ADE 651 ที่อาศัยกลไกการทำงานของเครื่องมือค้นหาลูกกอล์ฟให้แก่ประเทศต่างๆ ทั่วโลก ในนั้นรวมไปถึงไทย ซึ่งก่อความเสี่ยงต่อชีวิตแก่ผู้ใช้มากกว่าที่จะปกป้องตามที่ผู้ขายกล่าวอ้าง
นายเจมส์ แม็กคอร์มิก นักธุรกิจมหาเศรษฐีวัย 56 ปีชาวอังกฤษ ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ตรวจจับวัตถุระเบิด ADE 651 แก่ประเทศต่างๆ โดยอ้างว่าพวกมันสามารถค้นหาวัตถุระเบิด รวมถึงยาเสพติดและสารอื่นๆอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ศาลในกรุงลอนดอนระบุว่า ข้อเท็จจริงแล้วเครื่องมือดังกล่าวไม่มีประสิทธิภาพและทำงานไม่สอดคล้องกับกฎทางฟิสิกส์ และกำหนดอ่านคำพิพากษาลงโทษจำเลยในคดีนี้ ในวันที่ 2 พฤษภาคม
“เจมส์ แม็กคอร์มิก เป็นแค่นักต้มตุ๋น” ไนเจล ร็อก รองผู้กำกับการตำรวจจเอวอนและซัมเมอรเซ็ต บอกนอกศาล “อุปกรณ์นี้เคยถูกนำไปใช้งานแล้วและยังคงถูกใช้งานตามจุดตรวจต่างๆ คนเหล่านั้นเชื่อว่าเครื่องมือชนิดนี้ทำงานได้ผล แต่ความจริงคือไม่”
ด้านสำนักข่าวพีเอของอังกฤษอ้างคำสัมภาษณ์ของอัยการระบุว่าอุปกรณ์ชนิดนี้ทำจากกลไกการทำงานของเครื่องมือค้นหาลูกกอล์ฟ ที่สามารถหาซื้อได้ที่สหรัฐฯ ในราคาแค่ราวๆ 20 ดอลลาร์เท่านั้น ขณะที่อิรักเคยซื้อ ADE 651 จำนวน 6,000 เครื่อง ในราคารวมที่สูงกว่า 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นายแม็กคอร์มิกกล่าวอ้างว่า เอดีอี 651 สามารถตรวจจับวัตถุระเบิดในความลึกใต้ดินถึง 1 กิโลเมตร ในอากาศสูงเหนือพื้นดิน 4.8 กิโลเมตรและลึกลงไปใต้น้ำ 33 เมตร โดยเขายืนยันว่าไม่เคยได้รับรายงานด้านลบต่ออุปกรณ์ดังกล่าวจากลูกค้า แต่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวมันไม่มีประสิทธิภาพตรวจระเบิดได้ตามที่อ้าง
ระหว่างการพิจารณาคดี นายแม็กคอร์มิกรับสารภาพว่าได้ขายอุปกรณ์ตรวจจับระเบิดชนิดนี้แก่ตำรวจในเคนยา เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ของฮ่องกง ทหารในอียิปต์ และเจ้าหน้าที่ชายแดนของไทย เช่นดียวกับที่ไนเจอร์ และจอร์เจีย ช่วงระหว่างปี 2008 ถึง 2010
รองผู้กำกับการตำรวจจเอวอนและซัมเมอรเซ็ต กล่าวต่อว่า ที่น่ากังวลคือมีหลายประเทศที่ยังใช้อุปกรณ์เหล่านี้ โดยเฉพาะในอิรัก “เครื่องมือนี้ยังถูกใช้ตามจุดตรวจต่างๆ ของอิรัก มันชัดเจนว่าทั้งพลเรือนและบุคลากรทางทหารต้องตกอยู่ท่ามกลางความเสี่ยงอย่างมหันต์หากยังพึ่งพาอุปกรณ์ชนิดนี้”