แม่ชีเจ้าสำนักแก้กรรมเข้ามอบตัว อ้างไม่ปลอดภัยขอนอนคุก

ชุมพร - อ้างตัวเป็นแม่ชีเจ้าสำนักแก้กรรมขอมอบตัวแล้ว ให้ตำรวจไปรับถึงสถานีขนส่งสายใต้ อ้างไม่ปลอดภัยหลังเป็นข่าวกลัวชาวบ้านจำหน้าได้

จากกรณีที่ นางนฤมล เอี่ยมสะอาด อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 895 ต.เหนือคลอง อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ อ้างตัวเป็นแม่ชีตั้งสำนักแก้กรรมหลอกเอาเงินชาวบ้านที่หลงเชื่อในหลายจังหวัดตามพื้นที่ภาคใต้ และมีหมายจับของศาลจังหวัดกระบี่ ในข้อหาปลอมและใช้เอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการ และฉ้อโกงทรัพย์ผู้อื่น โดยที่ผ่านมา มีพฤติกรรมต้มตุ๋นหลองลวงประชาชนอยู่ในพื้นที่ภาคใต้ มีผู้เสียหายกว่า 30 ราย ได้เงินไปกว่า 5 ล้านบาท ล่าสุด เข้ามาก่อเหตุในพื้นที่ อ.หลังสวน จ.ชุมพร แล้วหลังหลบหนี มีชาวบ้านหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อสูญเงินไปจำนวนมาก และเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.หลังสวน เมื่อวันที่ 19 เมษายน ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (22 เม.ย.) พ.ต.อ.ภคพล ทวิชศรี ผกก.สภ.หลังสวน จ.ชุมพร พ.ต.ท.สิชา พูลวงษ์ รอง ผกก.สส. ได้ควบคุมตัว นางนฤมล เอี่ยมสะอาด อายุ 53 ปี มาสอบปากคำ หลังจากที่นางนฤมล ติดต่อขอมอบตัว และให้ตำรวจเดินทางไปรับตัวที่สถานีขนส่งสายใต้ กรุงเทพมหานคร ซึ่งอ้าว่าเพื่อความปลอดภัยกลัวจะถูกชาวบ้านรุมทำร้าย โดยมี ร.ต.ต.ภิญโญ ฤทธิโสม พนักงานสอบสวน สภ.หลังสวน เดินทางไปรับตัวมาตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา

นางนฤมล ให้การว่า ตนไม่ได้หนีไปไหน เพียงแต่ได้เดินทางไปในหลายจังหวัด ทั้งภาคอีสาน ภาคกลาง จนกระทั่งมารู้ตัวเมื่อตกได้ข่าวจากสื่อต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องของตน จึงรู้สึกกลัวว่าจะมีคนจำได้ และถูกทำร้าย จึงติดต่อขอมอบตัวต่อตำรวจ และให้ไปรับที่สถานีขนส่งสายใต้ ส่วนที่ถูกกล่าวหาว่าตนหลอกลวง ต้มตุ๋น ฉ้อโกงนั้น ตนไม่มีเจตนาจะโกง หรือหลอกลวงใคร เพียงแต่ชาวบ้านที่มาหาเพื่อให้ดูดวงชะตา แก้กรรม รวมถึงการทำพิธีต่างๆ แล้วมีการมอบเงินให้ค่าตอบแทนการทำพิธีกรรมต่างๆ นั้น เป็นเพราะชาวบ้านเขานับถือศรัทธาตน ให้มาก หรือน้อยแล้วแต่กำลังทรัพย์ของแต่ละคนตนไม่ได้บังคับใคร ส่วนการตั้งกองทุนเงินกู้แก้กรรมก็มีชาวบ้านให้มาเพียงเล็กน้อยไม่มาก

นางนฤมล กล่าวต่อว่า เงินที่เอามาจากผู้ที่มาศรัทธาเหล่านั้นก็ทยอยคืนให้หมดแล้ว เขาเอามามอบให้ด้วยความเสน่หา ซึ่งปัจจุบันนี้ ตนก็ไม่มีเงินแล้ว เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายมากมาย และเงินที่ได้มาส่วนหนึ่งก็เอาไปทำบุญตามวัดต่างๆ ส่วนยอดเงินที่ชาวบ้านผู้ศรัทธามอบให้นั้น ตนก็จำไม่ได้ว่าจำนวนเท่าไร จะถึง 5 ล้าน หรือไม่ถึงตามที่มีการกล่าวอ้างนั้นตนจำไม่ได้ ซึงการที่ตนติดต่อมอบตัวในครั้งนี้จะไม่ประกันตัว จะขอเข้าไปอยู่ในเรือนจำเพราะกลัวความไม่ปลอดภัย แต่พร้อมที่จะต่อสู้คดีไปตามกฎหมาย ส่วนศาลจะตัดสินอย่างไรตนก็ยอมรับตามนั้น

หลังสอบสวน ตำรวจจึงได้ควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีตามกฎหมาย และได้ประสานไปยังตำรวจ สภ.เมืองกระบี่ ให้มาอายัดตัวตามหมายจับของศาลจังหวัดกระบี่ ก่อนหน้านั้นเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป