ศูนย์ข่าวศรีราชา - ชาวบ้านร้องสื่อช่วยหลังโดนแก๊งต้มตุ๋นโกงเงินไป 2 ล้านบาท เผยเป็น 1 ในขบวนการแก๊ง 18 มุงกุฎ ที่หลอกให้ทำธุรกิจห้องเย็น สูญเงินไปกว่า 200 ล้านบาท
วันนี้ (14 มี.ค.) นางชัญญานุช ชยังกูรเตรสิทธิ์ ชาว อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ประกอบธุรกิจขายหิน ดิน ทราย เปิดเผยว่า เมื่อเดือนสิงหาคม 2555 ได้ถูกนางเขมจิรา หรือเจิ้น สุขนิล ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาของ สภ.หนองขาม คดีฉ้อโกงร่วมกับนางศุภลักษณ์ เชาวะปรีชากุล ที่ฉ้อโกงเงินชาวบ้านไปกว่า 200 ล้านบาท แต่ปรากฏว่า นางเขมจิรา หลุดพ้นจากข้อหาดังกล่าว ซึ่งในคดีนั้นตนก็ถูกฉ้อโกงไปเป็นเงิน 1 ล้านบาท ทำให้ได้รู้จักกับนางเขมจิรา เนื่องจากนางเขมจิรา ได้บอกแก่ตนว่า นางศุภลักษณ์ โกงไป 40 ล้านบาท พร้อมทั้งนำหลักฐานการฉ้อโกงของนางศุภลักษณ์มาให้ดู ทำให้ตนเชื่อสนิทใจ
ต่อมา นางเขมจิรา ได้อาศัยความสนิทสนมชักชวนให้เข้าร่วมค้าขายที่ดินด้วยกัน โดยบอกว่ารายได้ดี แต่การดำเนินการจะต้องนำเงินไปวางกับเจ้าของที่ดินก่อนเพื่อผูกมัดเจ้าของที่ดิน จากนั้นจะนำที่ดินไปขายต่อให้แก่นายทุน หรือคนที่ต้องการในราคาใหม่ที่ทางนางเขมจิราพอใจ ส่วนเจ้าของที่ดินจะได้เงินครบเมื่อมีการซื้อขายที่ดินสิ้นสุดลง
จากนั้น นางเขมจิรา บอกตนว่ามีคนจะขายที่ดิน และมีคนที่ต้องการจะซื้อแล้วด้วย ซึ่งกำไรสูงมาก จึงมาขอให้เข้าร่วมการซื้อขายครั้งนี้ เนื่องจากในขณะนั้นนางเขมจิรา มีเงินไม่พอไปวางมัดจำที่ดิน และได้ขอให้ตนเองร่วมลงทุน ด้วยโดยจะต้องนำเงินไปวาง 4 ล้านบาท โดยนางเขมจิรา ขอให้ตนร่วมลงทุนด้วย 2 ล้านบาท หลังจากนั้น นางเขมจิรา ก็เงียบหายไป พยายามโทร.ติดต่อหลายครั้งก็ไม่รับสาย ทำให้รู้สึกผิดสังเกต ซึ่งขณะนั้นตนต้องการทำสัญญาหลังจากโอนเงินไปให้แล้ว แต่นางเขมจิรา ก็เงียบหายไป จนคิดว่าถูกโกงแล้ว จึงเข้าแจ้งความต่อตำรวจ เพื่อขอให้เรียกตัวนางเขมจิรามาพบเพื่อเจราจาว่าจะเอาอย่างไรต่อไป
แต่ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่รับแจ้งความ วันนี้จึงเดินทางมาพบผู้สื่อข่าว พร้อมกับ ผกก.สภ.ศรีราชา เพื่อขอให้เร่งดำเนินการ โดยทาง ผกก.แจ้งว่า ในวันที่ 15 มีนาคม ให้เดินทางไปพบตำรวจอีกครั้ง เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ และสอบปากคำ
นางชัญญานุช กล่าวว่า ภายหลังทราบว่า นางเขมจิรา กับนางศุภลักษณ์ เป็นแก๊งเดียวกัน โดยนางศุภลักษณ์ ให้การต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจหนองขามว่า นางเขมจิราได้ให้นางศุภลักษณ์เป็นผู้เขียนสัญญาเงินกู้พร้อมเช็ค เพื่อนำไปหลอกเงินจากนายทุน มีการตกลงกันว่าระหว่างนางเขมจิรา กับ นางศุภลักษณ์ว่าจะให้ส่วนแบ่ง 10 ล้านบาท โดยนางเขมจิรา เป็นผู้บงการ นางศุภลักษณ์ เป็นคนดำเนินการแทน ดังนั้น เอกสารการฉ้อโกง 200 ล้านบาท จึงมีแต่ชื่อของนางศุภลักษณ์ ซึ่งขณะนี้ นางศุภลักษณ์ ได้ถูกศาลตัดสินจำคุกไปแล้วเมื่อกลางปีที่ผ่านมา