ตร.กองปราบคุมตัวนายทุนตุ๋นลงทุนไก่แช่แข็งตามหมายจับ

ศูนย์ข่าวศรีราชา - ตร.กองปราบ ควบคุมตัว นายทุน ตุ๋นลงทุนไก่แช่แข็ง ส่งร้อยเวร สภ.หนองขาม ตามหมายจับ หลังกลุ่มนักธุรกิจรายย่อยบุกร้องกองปราบ โดยหวั่นคดีจะเงียบหายไป ทั้งๆที่มีหมายจับ

วันนี้ (9 ก.ย.55) ที่สภ.หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ดาบตำรวจถาวร เคลื่อนไธสง ผบ.หมู่ กก.2 บก.ป. ได้ควบคุมตัวนายอนุพัฒน์ วรดีถี อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25/69 หมู่ที่ 1 ต.ปากคลองบางปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ ตามหมายจับเลขที่ จ.777/2555 ลงวันที่ 5 ก.ย. 2555 ของ สภ.หนองขาม

สาเหตุที่เข้าจับกุมในครั้งนี้ สืบเนื่องจาก กลุ่มนักธุรกิจรายย่อยในเขตอำเภอศรีราชา ได้เข้ามาร้องเรียนต่อตำรวจกองปราบ เนื่องจากผู้ต้องหา ร่วมกับ นางศุภลักษณ์ หรือแหม่ม เชาวะปรีชากุล อายุ 41 ปี ได้หลอกลวงให้ร่วมลงทุนธุรกิจห้องเย็นไก่แช่แข็ง รวมมูลค่าความเสียหาย 34 ล้านบาท และได้ออกหมายจับบุคคลทั้ง 2 คน ซึ่งที่ผ่านสามารถจับกุมตัวนางศุภลักษณ์ ได้แล้ว ส่วนนายอนุพัฒน์ อยู่ระหว่างการหลบหนี ทั้งๆที่มีหมายจับ แต่คดีไม่มีความคืบหน้า จึงบุกมาร้องกองปราบให้เร่งติดตามจับกุมดังกล่าว

ดาบตำรวจถาวร กล่าวต่อไปว่า หลังเข้าไปร้องเรียนกับ พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบติดตามจับกุม จนสามารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณ หมู่บ้านนิลลดา หมู่ 4 แขวง/เขต ทุ่งครุ กทม. เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ พร้อมนำตัวมาส่งร้อยเวร สภ.หนองขาม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยยังไม่ให้ประกันตัว

ด้านนายสุเทพ วรดิถี บิดาของผู้ต้องหา กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นบุตรชายไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย แต่เป็นผู้เสียหาย เนื่องจากได้กู้เงินจากธนาคารไปร่วมลงทุน จำนวน 2 ล้านบาทด้วย แต่อยู่ๆกลับถูกกล่าวหาว่าเป็นหนึ่งในขบวนการต้มตุ๋น ในครั้งนี้ ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างไร

ที่ผ่านมาบุตรชายไม่ได้หลบหนีคดีดังกล่าว แต่เนื่องจากไม่ทราบ เพราะที่ผ่านมา หมายจับได้ส่งไปที่บ้านสมุทรปราการ ซึ่งไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังนั้นมานานแล้ว จนเจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมตัวได้ที่บ้านใน กทม. และได้เชิญตัวมาที่ สภ.หนองขาม โดยไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างไร

นายสุเทพ กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ลูกชาย เตรียมแจ้งความร้องทุกข์ กับ นางศุภลักษณ์ หรือแหม่ม เชาวะปรีชากุล เนื่องจากถูกหลอกลวงเช่นกัน เพราะลูกชายได้นำเงินมาลงทุนธุรกิจห้องเย็นไก่แช่แข็งด้วย ส่วนคดีความจะเป็นอย่างไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวน แต่มั่นใจว่าลูกชายของตนไม่ผิดอย่างแน่นอน