ไทม์สออฟอินเดีย/เอเอฟพี - ตำรวจปากีสถานเมื่อวันอังคาร (23) สามารถสกัดคาร์บอมบ์คันหนึ่งซึ่งจอดอยู่ใกล้บ้านพักที่ใช้กักบริเวณอดีตประธานาธิบดีเปอร์เวซ มูชาร์ราฟ จากการตรวจค้นพบระเบิด 45 กิโลกรัมซุกซ่อนอยู่ภายใน แต่ขั้นต้นยังไม่ทราบว่าใครอยู่เบื้องหลังความพยายามก่อเหตุร้ายนี้
บานี อามิน ผู้บังคับการตำรวจอิสลามาบัด เผยว่า รถยนต์ซุกซ่อนระเบิดคันดังกล่าวถูกพบจอดห่างจากประตูใหญ่ของบ้านพักนายมูชาร์ราฟ ย่านชานเมืองหลวงราวๆ 150 เมตร
ภาพข่าวสถานีโทรทัศน์พบเห็นทีมเก็บกู้วัตถุระเบิดกำลังเข้าตรวจค้นรถยนต์คันนี้ที่จอดอยู่ไม่ห่างจากบ้านพักที่ใช้กักบริเวณนายมูชาร์ราฟ ที่ถูกกล่าวหาใช้อำนาจโดยมิชอบขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
นายอามินเผยว่า ตำรวจกำลังสืบสวนว่ารถยนต์คันดังกล่าวมาจอดอยู่ใกล้บ้านของนายมูชาร์ราฟได้อย่างไร ขณะที่เบื้องต้นยังไม่ทราบว่าใครอยู่เบื้องหลังความพยายามก่อเหตุร้ายนี้ แม้ว่านายมูชาร์ราฟเคยถูกกลุ่มตอลิบานขู่ฆ่าและเคยถูกกลุ่มนักรบพยายามลอบสังหารหลายต่อหลายครั้งระหว่างที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปี 1999 ถึง 2008
เหตุพยายามลอบก่อเหตุคาร์บอมบ์ครั้งนี้ เกิดขึ้นไม่นานหลังจากนายมูชาร์ราฟได้ไปขึ้นศาลต่อต้านก่อการร้ายเป็นครั้งแรก เพื่อให้ปากคำในคดีลอบสังหารอดีตนายกรัฐมนตรีหญิงเบนาซีร์ บุตโต
นายมูชาร์ราฟถูกกล่าวหาสมรู้ร่วมคิดสังหารนางบุตโต ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุโจมตีด้วยอาวุธปืนและระเบิดฆ่าตัวตายระหว่างหาเสียงเมื่อเดือนธันวาคม 2007 หนึ่งในสามคดีที่เขากำลังต่อสู้ในศาลนับตั้งแต่เดินทางกลับสู่มาตุภูมิในเดือนที่แล้ว หลังจากลี้ภัยไปพำนักในต่างแดนเป็นเวลา 4 ปี
แม้มีกำลังตำรวจและทหารอาสาสมัครจำนวนมากคอยรักษาความปลอดภัย แต่บริเวณด้านนอกศาลก็ยังเกิดเหตุปะทะกันระหว่างเหล่าทนายความกับผู้สนับสนุนนายมูชาร์ราฟขึ้นมาจนได้ โดยต่างฝ่ายต่างขว้างปาก้อนหินและใช้ไม้เป็นอวุธเข้าทำร้ายกันจนได้รับบาดเจ็บไปหลายคน ขณะที่นายมูชาร์ราฟและทนายความของเขาใช้เวลาให้การกับศาลรวมกันราวๆ 30 นาที ก่อนอดีตนายกรัฐมนตรีจะขับรถกลับสู่บ้านพักที่ถูกกักบริเวณ หลังศาลเลื่อนการพิจารณาคดีออกไปเป็นวันที่ 3 พฤษภาคม
จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครถูกตัดสินว่ามีความผิดหรือถูกคุมขังในคดีลอบสังหารนางบุตโตเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2007 ที่เมืองราวัลปินดี แม้มีการเปิดพิจารณาคดีมาอย่างยาวนาน แม้ศาลเพิ่งสั่งฟ้องเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นายกับนักรบตอลิบาน 2 คนฐานเกี่ยวข้องกับคดีนี้ไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2011
แต่ก่อนหน้านั้นในเดือนสิงหาคม 2010 ศาลได้สั่งริบทรัพย์สินของนายมูชาร์ราฟและอายัดบัญชีธนาคารของเขาในปากีสถาน ฐานที่ไม่ยอมมาขึ้นศาลเพื่อให้ปากคำเกี่ยวกับการตายของนางบุตโต ตามหมายเรียก
อย่างไรก็ตาม ทางทนายความของนายมูชาร์ราฟร้องขอให้ศาลล้มล้างคำสั่งดังกล่าว โดยอ้างเหตุผลว่าตอนนั้นอดีตนายกรัฐมนตรีอยู่ระหว่างลี้ภัยในต่างแดนและเวลานี้นายมูชาร์ราฟ ก็มาปรากฎตัวต่อศาลตามหมายแล้ว
รัฐบาลของนายมูชาร์ราฟกล่าวโทษว่านายไบตุลเลาะห์ เมห์ซุด แกนนำกลุ่มตอลิบานปากีสถาน ณ ขณะนั้นเป็นผู้ลงมือสังหารนางบุตโต อย่างไรก็ตาม นายเมห์ซุดปฏิเสธ ก่อนที่เขาจะมาเสียชีวิตจากการถูกเครื่องบินสอดแนมไร้คนขับของสหรัฐฯโจมตีในเดือนสิงหาคม 2009