ข้อมูล ศก.ดันหุ้นมะกันทุบสถิติตลอดกาล ทองคำ-น้ำมันลอนดอนลง

เอเอฟพี - ดาวโจนส์ และเอสแอนด์พี ควงแขนทุบสถิติสูงสุดตลอดกาลรอบใหม่เมื่อวันอังคาร (2) จากข้อมูลคำสั่งซื้อภาคการผลิตสหรัฐฯ และยอดขายอันสดใสของกลุ่มบริษัทผู้ผลิตรถยนต์บิ๊กทรี ปัจจัยนี้ฉุดให้ทองคำดิ่งแรง เหตุนักลงทุนเทขายหันเข้าลงทุนในตลาดหุ้น ขณะที่ราคาน้ำมันลอนดอนขยับลง หลังมีความกังวลต่อข้อมูลภาคแรงงานในยูโรโซน

ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 89.16 จุด (0.61 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 14,662.01 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 15.69 จุด (0.48 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,254.86 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 8.08 จุด (0.52 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,570.25 จุด

การทุบสถิติตลอดกาลรอบใหม่ของทั้งดัชนีดาวโจนส์และเอสแอนพี เป็นผลจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ที่ระบุว่ายอดสั่งซื้อใหม่สินค้าประดิษฐกรรม ประจำเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 3.0 เปอร์เซ็นต์ เหนือกว่าที่นักวิเคราะห์คาดหมายไว้

ขณะเดียวกัน วอลล์สตรีทยังได้ปัจจัยหนุนจากรายงานของกลุ่มบริษัทผู้ผลิตรถยนต์บิ๊กทรี อันประกอบด้วย ฟอร์ด, ไครส์เลอร์ และเจนเนอรัล มอเตอร์ส ที่ระบุว่าในเดือนที่ผ่านมา พวกเขามียอดขายรายเดือนดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2007 โดย จีเอ็ม อ้างถึงภาวะเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆประกอบกับผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ คือปัจจัยสนับสนุนยอดขายดังกล่าว

ปัจจัยนี้สร้างความคึกคักแก่นักลงทุนเป็นอย่างมาก และกระตุ้นให้ขายทองคำ ที่ถูกมองว่าเป็นสินทรัยพ์ที่มีความเสี่ยงต่ำ แล้วหันไปแสวงหากำไรเพิ่มเติมในตลาดทุน จนทำให้ราคาทองคำวานนี้(2) ดิ่งลงอย่างแรง โดยราคาทองคำตลาดโคเมกซ์ของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 25 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,575.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ด้านราคาน้ำมันวานนี้ (2) ปิดผสมผสาน โดยตลาดนิวยอร์ก ขึ้นตามข้อมูลการผลิตสหรัฐฯ และยอดขายรถยนต์ของบิ๊กทรี แต่ลอนดอนขยับลงจากข้อมูลทางเศรษฐกิจที่น่ากังวลในยุโรป

สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 12 เซ็นต์ ปิดที่ 97.19 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 39 เซ็นต์ ปิดที่ 110.69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

นักวิเคราะห์มองว่า ตัวเลขทางเศรษฐกิจต่างๆ อันอ่อนแอของยุโรป คือปัจจัยที่ฉุดราคาน้ำมันตลาดลอนดอน หลังตัวเลขอย่างเป็นทางการที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร (2) พบว่ายอดคนว่างงานยูโรโซนในเดือนมีนาคม พุ่งแตะระดับ 12 เปอร์เซ็นต์ สูงสุดตลอดกาล โดยมีจำนวนประชากรว่างงานในกลุ่มประเทศสกุลเงินเดียวกันนี้มากกว่า 19 ล้านคนแล้ว

นอกจากนี้ยังพบว่า กิจกรรมการผลิตในยูโรโซนยังคงหดตัวอย่างน่ากังวล หลังดัชนีคำสั่งซื้อภาคโรงงานของมาร์กิต ลดลงจาก 47.9 จุดของเดือนกุมภาพันธ์ แตะระดับ 46.8 จุดในเดือนมีนาคม