เอเจนซีส์ - ไซปรัสกลับลำ ตัดสินใจปิดแบงก์ต่อจนถึงวันพฤหัสบดี (28) โดยผู้นำประเทศเกาะขนาดเล็กแห่งนี้ยืนยันว่า การควบคุมเงินทุนจะเป็นมาตรการช่วงสั้นๆ เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ตลาดทั่วโลกกลับเสียขวัญจากการแสดงความคิดเห็นของประธานกลุ่มรัฐมนตรีคลังยูโรโซนที่ว่า กลไกการถ่ายโอนความเสี่ยงจำนวนมากไปให้ผู้ฝากเงินและผู้ถือหุ้นแบงก์ต่างๆ เป็นผู้รับผิดชอบ ตามข้อตกลงล่าสุดของไซปรัสนั้น อาจใช้เป็นพื้นฐานสำหรับการให้ความช่วยเหลือแก่สมาชิกยูโรโซนทั้งหลายในอนาคต
ธนาคารกลางไซปรัสแถลงแก้ไขใหม่เมื่อคืนวันจันทร์ (25) ว่า ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งจะยังคงปิดทำการต่อไปจนถึงวันพฤหัสบดี จากที่ก่อนหน้านั้นไม่กี่ชั่วโมงเพิ่งตัดสินใจว่า จะอนุญาตให้แบงก์ทั้งหมดยกเว้น 2 แห่งใหญ่สุดคือแบงก์ ออฟ ไซปรัส (บีโอซี) และไลคี แบงก์ (ป๊อปปูลาร์ แบงก์ ออฟ ไซปรัส) เปิดทำการในวันอังคาร (26) หลังจากหยุดยาวมา 10 วันเพื่อป้องกันการแห่ถอนเงิน
รัฐมนตรีคลัง มิเชล ซาร์ริส ตัดสินใจปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ว่าการธนาคารกลางปานิคอส ดิมิเทรียเดส เพื่อให้มั่นใจว่า ระบบการธนาคารทั้งหมดดำเนินการอย่างราบรื่น
วันเดียวกัน ประธานาธิบดีนิคอส อนาสตาเซียเดส แถลงภายหลังเดินทางกลับจากการเจรจากับพวกเจ้าหนี้ระหว่างประเทศที่กรุงบรัสเซลส์ โดยแสดงความเชื่อมั่นว่า ประเทศชาติจะสามารถยืนด้วยตัวเองได้อีกครั้ง หลังจากสามารถบรรลุข้อตกลงเพื่อรับเงินกู้ฉุกเฉิน 10,0000 ล้านยูโรจากสหภาพยุโรป (อียู) ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)
ในส่วนมาตรการควบคุมเงินทุนนั้น อนาสตาเซียเดสกล่าวว่า จะดำเนินการโดยธนาคารกลาง พร้อมยืนยันว่า มาตรการนี้จะบังคับใช้เพียงช่วงสั้นๆ และค่อยๆ ผ่อนคลายลง
ผู้นำไซปรัสยังประกาศเปิดการสอบสวนคดีอาญาเพื่อหาตัวผู้รับผิดชอบต่อวิกฤตการธนาคารครั้งนี้
อนาสตาเซียเดสกล่าวว่า เขารู้สึกขมขื่นและผิดหวังกับทัศนคติของเพื่อนสมาชิกบางชาติในยูโรโซน เช่นเดียวกับประชาชนจำนวนมาก ทว่า การถอนตัวจากเขตเงินตราสกุลเดียวไม่ใช่ทางออกสำหรับไซปรัส
ข้อตกลงคราวนี้ทำให้ไซปรัสรอดพ้นจากฐานะการเป็นประเทศแรกที่หลุดจากยูโรโซน ทว่า ต้องจ่ายในราคาแพงด้วยการปิดกิจการไลคีแบงก์ อันเป็นธนาคารใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ และโอนบัญชีเงินฝากมูลค่าต่ำกว่า 100,000 ยูโรไปยังบีโอซี ที่เป็นแบงก์ยักษ์อันดับ 1 ส่วนบัญชีเงินฝากมูลค่า 100,000 ยูโรขึ้นไปในสองแบงก์ใหญ่สุดนี้จะถูกอายัดชั่วคราว และนำไปเพิ่มทุนให้แก่บีโอซี รวมทั้งสะสางหนี้เสียของไลคี
คริสทอส สไตเลียไนเดส โฆษกรัฐบาลไซปรัสกล่าวในวันจันทร์ว่า ผู้ฝากที่มีเงินฝากเกินกว่า 100,000 ยูโรน่าจะขาดทุนไม่เกิน 30% ทว่ารัฐมนตรีคลังซาร์ริส เตือนในการให้สัมภาษณ์วิทยุบีบีซีวันพฤหัสบดีว่า ผู้ฝากเงินรายใหญ่เหล่านี้ ซึ่งจำนวนมากเลยเป็นชาวรัสเซีย อาจจะต้องถูก “แฮร์คัต” ในระดับใกล้ๆ 40%
ภายหลังบรรลุข้อตกลง อีซีบีซึ่งก่อนหน้านี้ที่ขู่จะตัดความช่วยเหลือ ได้ประกาศคงการอัดฉีดเงินสดฉุกเฉินให้สองแบงก์ใหญ่ของไซปรัสซึ่งจะมีการผนวกรวมกันและแยกออกเป็น “แบงก์ดี” กับ “แบงก์เลว” กันต่อไป
ทั้งนี้ การผนวกแบงก์มีแนวโน้มนำไปสู่การปลดพนักงานจำนวนมากในภาคการธนาคาร ซึ่งเป็นหนึ่งในไม่กี่ภาคที่ส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของไซปรัส และยังคาดว่า สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดเล็กและผู้บริโภคจะเหือดแห้งลง
แฮร์ริส จอร์เจียเดส รัฐมนตรีแรงงานของไซปรัส ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์บิลด์ของเยอรมนีฉบับวันอังคาร (26) ว่าคาดว่า ไซปรัสจะเผชิญภาวะถดถอยรุนแรงและอัตราว่างงานพุ่ง พร้อมวิจารณ์ว่า ยูโรกรุ๊ปตัดสินใจผิดพลาดและเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา
ขณะเดียวกัน แทนที่จะซึมซับข่าวดีจากการที่ไซปรัสสามารถตกลงกับกลุ่มเจ้าหนี้ได้ และหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ทำให้วิกฤตยูโรโซนกลับมาลุกลามอีกครั้ง ปรากฏว่าตลาดการเงินทั่วโลกกลับขวัญหนีดีฝ่อกับการแสดงความคิดเห็นของเจอโรน ดิสเซลโบลม รัฐมนตรีคลังเนเธอร์แลนด์ ผู้เป็นประธานของรัฐมนตรีคลังยูโรโซน (ยูโรกรุ๊ป) ที่ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ในวันจันทร์โดยระบุว่า ข้อตกลงนี้อาจใช้เป็นพื้นฐานการช่วยเหลือสมาชิกยูโรโซนในอนาคต ด้วยการถ่ายโอนความเสี่ยงจำนวนมากไปให้ผู้ฝากเงินและผู้ถือหุ้นเป็นผู้รับผิดชอบ
“สิ่งที่เราทำล่าสุดคือ การผลักความเสี่ยงกลับไป”
ในเวลาต่อมา หลังตลาดทางแถบยุโรปปิดทำการแล้ว สำนักประธานยูโรกรุ๊ปได้ออกคำแถลงชี้แจงว่า ไซปรัสเป็นกรณีเฉพาะที่มีความท้าทายพิเศษ ซึ่งต้องการมาตรการช่วยเหลือตามที่ตกลงกันในวันจันทร์
“โปรแกรมการปรับปรุงแก้ไขเศรษฐกิจมหภาคเป็นการพัฒนาขึ้นอย่างเป็นพิเศษตามสถานการณ์ของประเทศที่เกี่ยวข้อง โดยไม่มีการใช้รูปแบบหรือแม่แบบใดๆ”
ทว่า ถึงตอนนั้นตลาดหุ้นและค่าเงินยูโรก็ถูกสอยร่วงไปแล้ว ตลาดหุ้นนิวยอร์กหนีไม่พ้นขาลงนี้เช่นกัน แม้ค่าเงินยูโรกระเตื้องขึ้นเล็กน้อยในการซื้อขายคืนวันจันทร์ที่นิวยอร์ก ภายหลังไซปรัสประกาศเลื่อนการเปิดแบงก์ แต่สำหรับตลาดเอเชียในวันอังคาร ยังคงอยู่ในภาวะอึมครึม หลายตลาดใหญ่ เช่น โตเกียว, ซิดนีย์ ดัชนีหุ้นตกลงไปเล็กน้อย
ทางด้าน มันนีคอร์ป นักวิเคราะห์ค่าเงินตราในยุโรป ระบุว่า คำพูดแบบเลอะเทอะไม่ระมัดระวังของ ดิสเซลโบลม เป็นเหตุให้มูลค่าของพวกบริษัทภาคการเงินในยูโรโซนหดหายไปถึง 13,000 ล้านยูโรภายในเวลาเพียงวันเดียว