เอเจนซีส์ - ปฏิบัติการซ้อมรบร่วมครั้งใหญ่ประจำปีระหว่างกองทัพสหรัฐฯ และเกาหลีใต้เปิดฉากขึ้นแล้วในวันนี้ (11) ขณะที่เกาหลีเหนือสั่งตัดสายด่วนระหว่างประเทศตอบโต้โซล พร้อมขู่จะโจมตีสองชาติศัตรูด้วยอาวุธนิวเคลียร์
ภารกิจซ้อมรบภายใต้รหัส “คีย์ รีโซล์ฟ” เริ่มขึ้นตามวันเวลาที่กำหนด ท่ามกลางสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีที่เข้าขั้นตึงเครียดหนัก หลังคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมีมติคว่ำบาตรเกาหลีเหนือเพิ่มเติม เพื่อตอบโต้การทดลองระเบิดนิวเคลียร์ของโสมแดงเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
นอกจากจะประณามแผนซ้อมรบระหว่างวอชิงตันและโซลว่าเป็นการซ้อมรุกรานแล้ว เปียงยางยังประกาศยกเลิกสนธิสัญญาหยุดยิงที่ทำกับเกาหลีใต้ในปี 1953 รวมถึงสัญญาไม่รุกรานซึ่งกันและกันฉบับอื่นๆ โดยให้มีผลบังคับใช้ทันทีในวันนี้ (11)
กระทรวงการรวมชาติเกาหลีใต้ยืนยันว่า เปียงยางดูเหมือนจะตัดสายด่วนที่ใช้สื่อสารข้ามแดนตามที่ขู่ไว้แล้ว เนื่องจากเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่ายจะมีการพูดคุย 2 ครั้งต่อวัน ทว่าเช้านี้ (11) “ทางเกาหลีเหนือไม่ตอบรับเรา” โฆษกหญิงของกระทรวงเผย
สายด่วนข้ามพรมแดนเกาหลีถูกติดตั้งเมื่อปี 1971 ซึ่งที่ผ่านมาโสมแดงเคยตัดการสื่อสารมาแล้วทั้งหมด 5 ครั้ง ล่าสุดก็เมื่อปี 2010 ที่ผ่านมา
หนังสือพิมพ์โรดองซินมุนซึ่งเป็นสื่อของพรรคแรงงานเกาหลี ยืนยันในฉบับวันนี้ (11) ว่า สนธิสัญญาหยุดยิงซึ่งช่วยให้สงครามเกาหลียุติลงในปี 1953 นั้น ถูก “ยกเลิกแล้วโดยสิ้นเชิง”
“เมื่อปราศจากสนธิสัญญาหยุดยิงแล้ว ก็ไม่มีใครคาดเดาได้อีกว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นต่อไปบนผืนแผ่นดินนี้” โรดองซินมุนระบุ
แม้ถ้อยคำขู่คุกคามซึ่งกันและกันจะไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับภูมิภาคนี้ แต่จากสถานการณ์ปัจจุบันทำให้หลายฝ่ายกังวลว่า หากฝ่ายใดเดินเกมพลาดแม้เพียงก้าวเดียวก็อาจก่อวิกฤตการเผชิญหน้าอย่างรุนแรงได้
คีย์ รีโซล์ฟ เป็นการซ้อมรบที่ใช้ระบบคอมพิวเตอร์จำลองสถานการณ์เป็นหลัก แต่ก็มีทหารโสมขาวเข้าร่วมกว่า 10,000 นาย และทหารอเมริกันอีกราว 3,500 นาย จากทั้งหมด 28,500 นายที่ประจำการอยู่ในเกาหลีใต้
พล.อ.เจมส์ เธอร์แมน ผู้บัญชาการกองกำลังสหรัฐฯ ระบุว่า การซ้อมรบในปีนี้นับว่าพิเศษกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากเสนาธิการทหารร่วมเกาหลีใต้เป็นผู้วางแผนและควบคุมปฏิบัติการซ้อมรบระหว่าง 2 ชาติเป็นครั้งแรก
กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้เผยด้วยว่า เกาหลีเหนือก็จะจัดซ้อมรบใหญ่โดยใช้ทหารจากทั้ง 3 เหล่าทัพภายในสัปดาห์นี้เช่นกัน
สัปดาห์ที่แล้ว ผู้นำ คิม จองอึน แห่งเกาหลีเหนือได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมหน่วยทหารที่รับผิดชอบการยิงปืนใหญ่โจมตีเกาะชายแดนของเกาหลีใต้เมื่อปี 2010 พร้อมสั่งการให้กองทัพเตรียมพร้อมทำศึกเต็มรูปแบบ ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศโสมแดงถึงกับเตือนว่าสงครามเกาหลีครั้งที่ 2 เห็นทีจะ “หลีกเลี่ยงไม่ได้” และเปียงยางอาจตัดสินใจเป็นฝ่ายลงมือโจมตีสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ก่อน