เอเอฟพี - เกาหลีเหนือประกาศให้สนธิสัญญาไม่รุกรานซึ่งกันและกันที่เคยทำร่วมกับเกาหลีใต้เป็น “โมฆะ” ทั้งหมด วันนี้ (8) พร้อมตัดสายด่วนที่ใช้ติดต่อกับกรุงโซล หลังจากที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ออกมติคว่ำบาตรชุดใหม่ต่อเปียงยางได้ไม่กี่ชั่วโมง
ประกาศดังกล่าวทำให้สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีตึงเครียดหนัก หลังจากที่เกาหลีเหนือเดินหน้าทดลองระเบิดนิวเคลียร์ครั้งที่ 3 ไปหมาดๆ เมื่อเดือนที่แล้ว และเมื่อวานนี้ (7) โสมแดงยังออกมาขู่โจมตีสหรัฐฯ ด้วยอาวุธนิวเคลียร์ด้วย
แม้เกาหลีเหนือจะแถลงข่มขู่เพื่อนบ้านจนเป็นเรื่องธรรมดา แต่ไม่กี่วันมานี้เปียงยางใช้ถ้อยคำที่ก้าวร้าวรุนแรงผิดปกติ จนหลายฝ่ายเกรงว่าอาจจะเกิดการกระทบกระทั่งตามแนวชายแดน เพราะทั้งเกาหลีเหนือและใต้ต่างก็มีแผนจัดซ้อมรบครั้งใหญ่ในสัปดาห์หน้า
แถลงการณ์จากคณะกรรมธิการเพื่อการรวมรวบเกาหลีโดยสันติ (CPRK) ระบุว่า เกาหลีเหนือ “ขอยกเลิกสนธิสัญญาไม่รุกรานซึ่งกันและกันทั้งหมดที่เคยทำร่วมกับเกาหลีใต้... และขอแจ้งให้เกาหลีใต้ทราบด้วยว่า เราจะตัดสายด่วนระหว่างประเทศในทันที”
เกาหลีเหนือและใต้ลงนามในสนธิสัญญาไม่รุกรานฉบับสำคัญเมื่อปี 1991 ซึ่งกำหนดให้ทั้งสองฝ่ายระงับข้อพิพาทโดยสันติ และหลีกเลี่ยงการปะทะกันโดยไม่เจตนา
กระทรวงการรวมชาติเกาหลีใต้ แถลงว่า ที่ผ่านมาเกาหลีเหนือเคยขู่จะตัดสายด่วนระหว่างประเทศที่ติดตั้งเมื่อปี 1971มาแล้วหลายครั้ง และเคยทำจริงอย่างน้อย 2 ครั้ง
ท่าทีแข็งกร้าวของเปียงยางมีขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังจากถูกคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นประกาศบทลงโทษเพิ่มเติมเพื่อตอบโต้ที่โสมแดงทดลองนิวเคลียร์เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์
มติคว่ำบาตรซึ่งผ่านการรับรองจากสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงฯทั้ง 15 ชาติเมื่อวานนี้ (7) ประกอบด้วยการขึ้นบัญชีดำเจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือเพิ่มเติม รวมถึงปิดกั้นธุรกรรมทางการเงิน โดยเฉพาะการลักลอบขนเงินสด
ยูเอ็นยังกำหนดให้รัฐสมาชิกต้องตรวจสอบเรือสินค้าของเกาหลีเหนือโดยละเอียดว่ามีการลักลอบขนอาวุธหรือไม่ จากเดิมที่ให้กระทำโดยสมัครใจเท่านั้น
ซูซาน ไรซ์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำยูเอ็น กล่าวว่า มาตรการคว่ำบาตรครั้งนี้จะเป็นบทลงโทษที่ “เจ็บแสบ” สำหรับเกาหลีเหนือ
“เกาหลีเหนือจะถูกโดดเดี่ยวมากยิ่งขึ้น และผู้นำโสมแดงก็จะสูญเสียมากกว่าเดิม หากคิดเป็นปฏิปักษ์กับนานาชาติต่อไป” ไรซ์กล่าว
ด้าน หลี่ เป่าตง เอกอัครราชทูตจีนประจำยูเอ็น ระบุว่า ปักกิ่งปรารถนาให้มีการบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตร “อย่างเต็มที่” แต่ขณะเดียวกัน นานาชาติก็ต้องไม่ละทิ้งความพยายามที่จะดึงเกาหลีเหนือกลับมาร่วมโต๊ะเจรจาเพื่อลดความขัดแย้ง
ก่อนที่การประชุมคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นจะเริ่มขึ้น กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือได้ออกแถลงการณ์ขู่ว่าจะใช้อาวุธนิวเคลียร์โจมตีสหรัฐฯ และ “พวกก้าวร้าวทั้งหลาย” ซึ่งวอชิงตันก็ตอบโต้ในทันทีว่าสหรัฐฯ มี “ศักยภาพเต็มพิกัด” ที่จะป้องกันตนเองรวมถึงพันธมิตรทุกชาติจากขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ