เอเจนซีส์ - เกาหลีเหนือประกาศเพิ่มสมรรถนะทางนิวเคลียร์และแสนยานุภาพทางทหาร ตอบโต้มติเอกฉันท์จากคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นซึ่งประณามและขยายมาตรการคว่ำบาตรลงโทษ ด้านนักวิเคราะห์ชี้แม้ไม่มีผลกระทบกระเทือนโสมแดงมากมายนัก แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่จีนก็ร่วมสนับสนุนมตินี้ด้วย
ในวันอังคาร (22 ม.ค.) ที่ผ่านมา สมาชิกทั้ง 15 ชาติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์รับรองญัตติที่สหรัฐฯ เสนอ ซึ่งมีเนื้อหาประณามการปล่อยจรวดของเกาหลีเหนือเมื่อเดือนที่แล้วว่าเป็นการละเมิดมติลงโทษคว่ำบาตรของคณะมนตรีฉบับก่อนๆ ซึ่งออกมาภายหลังโสมแดงทดลองอาวุธนิวเคลียร์ในปี 2006 และ 2009 รวมทั้งขยายมาตรการลงโทษคว่ำบาตรให้ครอบคลุมถึงหน่วยงานและบุคลากรของเกาหลีเหนือเพิ่มเติมขึ้นอีก
หน่วยงานของโสมแดงที่ถูกเพิ่มชื่อในบัญชีลงโทษคว่ำบาตรคราวนี้ ได้แก่ คณะกรรมการเกาหลีเพื่อเทคโนโลยีอวกาศ หน่วยงานของรัฐบาลเกาหลีเหนือที่จัดการการปล่อยจรวดดังกล่าว, แบงก์ ออฟ อีสต์ แลนด์ ที่ทำหน้าที่โอนเงินเพื่อหลบหลีกมาตรการคว่ำบาตร อีกทั้งยังติดต่อกับแบงก์ในอิหร่านที่ถูกยูเอ็นคว่ำบาตรเช่นกัน และบริษัทการค้าอีก 4 แห่งของเกาหลีเหนือที่ถูกกล่าวหาว่า จัดซื้ออุปกรณ์เพื่อการพัฒนานิวเคลียร์หรือขีปนาวุธ หรือส่งออกและค้าอาวุธ นอกจากนั้นยังมีบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเทคโนโลยี หรือไม่ก็เป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารของโสมแดง รวมทั้งสิ้น 4 คนถูกขึ้นบัญชีดำคราวนี้ด้วย
เปียงยางนั้นยืนกรานว่า การยิงจรวดเมื่อวันที่ 12 ธันวาคมเป็นภารกิจเพื่อสันติและมีเป้าหมายทางวิทยาศาสตร์ในการส่งดาวเทียมตรวจสอบสภาพอากาศขึ้นสู่วงโคจร
ทว่า มติของยูเอ็นฉบับล่าสุดนี้ระบุว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการบังหน้าการทดสอบขีปนาวุธนำวิถีข้ามทวีป ซึ่งถือเป็นการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรฉบับก่อนๆ ของคณะมนตรี
คณะมนตรีความมั่นคงยังเรียกร้องให้เกาหลีเหนือระงับ “กิจกรรมทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับโครงการขีปนาวุธ” และ “ยกเลิกโครงการอาวุธนิวเคลียร์และโครงการนิวเคลียร์ที่มีอยู่ทั้งหมดอย่างสมบูรณ์ ตรวจสอบได้ และเปลี่ยนแปลงไม่ได้” รวมทั้งประกาศชัดเจน “ถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของตนที่จะดำเนินปฏิบัติการที่สำคัญ ในกรณีที่สาธารณรัฐประชาชนประชาธิปไตยเกาหลี (เกาหลีเหนือ) ยิงจรวดหรือทดสอบนิวเคลียร์อีก
ซูซาน ไรซ์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำยูเอ็น แสดงความเห็นว่า มติล่าสุดเป็นสัญญาณว่า เปียงยาง “ต้องจ่ายแพงขึ้น" หากเลือกการเผชิญหน้า
ด้าน หลี่ เป่าตง เอกอัครราชทูตจีนประจำยูเอ็น ย้ำว่า ลำพังมาตรการคว่ำบาตรคงไม่ได้ผล เว้นแต่จะเสริมด้วยความพยายามทางการทูตร่วมกันเพื่อดึงเปียงยางกลับสู่โต๊ะเจรจา
หลี่สำทับว่า แม้จีนสนับสนุนมตินี้ แต่คณะมนตรีจำเป็นต้องใช้มาตรการที่รอบคอบและเหมาะสมเพื่อให้เกิดสันติภาพและเสถียรภาพ และต้องเพิ่มความพยายามเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ตึงเครียด
นอกจากนี้ สำนักข่าวซินหวายังรายงานว่ามติที่ออกมาได้ตัดทอนข้อความบางส่วนที่ปักกิ่งเห็นว่า อาจบ่อนทำลายความสัมพันธ์ปกติระหว่างเกาหลีเหนือกับประเทศอื่นๆ
ที่ผ่านมาจีนพยายามฟื้นการเจรจา 6 ฝ่ายเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ แต่ล่าสุดเปียงยางประกาศชัดเจนว่า จะไม่มีการหารือเรื่องการลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี
ทางด้านกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือ แถลงในวันพุธ (23) ว่า ปฏิเสธไม่ยอมรับมติของคณะมนตรีฉบับนี้ อีกทั้งประณามว่าไม่เป็นธรรมเป็นอย่างยิ่ง
“เราจะดำเนินการต่างๆ อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อขยายและเสริมสร้างกองกำลังป้องกันตนเองของเรา ซึ่งรวมถึงมาตรการป้องปรามอาวุธนิวเคลียร์”
ขณะเดียวกัน เกาหลีใต้ที่แสดงความยินดีต่อมติของยูเอ็นเช่นเดียวกับญี่ปุ่น
เมื่อเดือนที่แล้ว หน่วยงานคลังสมองของสหรัฐฯรายหนึ่งใช้ภาพถ่ายดาวเทียมมายืนยันข้อวิเคราะห์ของตนที่คาดการณ์ว่า เกาหลีเหนือได้ซ่อมแซมใหญ่สถานที่ตั้งทางนิวเคลียร์ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ซึ่งได้รับความเสียหายจากฝนตก และน่าจะสามารถทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ได้โดยเพียงบอกกล่าวล่วงหน้า 2 สัปดาห์
อย่างไรก็ตาม พวกนักวิเคราะห์บอกว่ามาตรการลงโทษคว่ำบาตรแม้มีการขยายให้ครอบคลุมเพิ่มขึ้นแล้วในคราวนี้ แต่สิ่งที่สำคัญคือการที่จีนสนับสนุนมติคราวนี้ด้วย
“เกาหลีเหนืออาจล่มสลายได้ถ้าปราศจากการสนับสนุนของจีน ดังนั้น เมื่อจีนหนุนมาตรการคว่ำบาตรซึ่งแม้จะไม่ใช่มาตรการแข็งกร้าวเท่าไร แต่ก็ถือเป็นความเคลื่อนไหวสำคัญ” โรเบิร์ต เคลลี ศาสตราจารย์รัฐศาสตร์และการทูต มหาวิทยาลัยแห่งชาติปูซานทิ้งท้าย