เอเอฟพี - เกาหลีเหนือขู่ปิดนิคมอุตสาหกรรมชายแดนซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างเปียงยางและโซล หากถูกเกาหลีใต้นำไปเชื่อมโยงกับมาตรการคว่ำบาตรแผนยิงจรวดพิสัยไกลเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา รายงานเผยวันนี้ (7)
นิคมอุตสาหกรรมแกซอง ซึ่งตั้งอยู่ติดชายแดนฝั่งเกาหลีเหนือ ถือเป็นสัญลักษณ์ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างเกาหลีเหนือและใต้ โดยมีบริษัทเกาหลีใต้กว่า 120 แห่งเข้าไปตั้งโรงงาน และจ้างแรงงานเกาหลีเหนือราว 53,000 คนเพื่อผลิตสินค้าประเภทเครื่องนุ่งห่ม, รองเท้า และอุปกรณ์ครัว
นับตั้งแต่เปิดดำเนินงานในปี 2004 นิคมอุตสาหกรรมแห่งนี้ยังไม่เคยถูกรบกวนจากปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เริ่มสั่นคลอน ตั้งแต่เกิดเหตุยิงถล่มเกาะชายแดนเกาหลีใต้เมื่อปี 2010
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (4) กระทรวงการรวมชาติเกาหลีใต้ประกาศเพิ่มมาตรการคุมเข้มชิ้นส่วนอุปกรณ์และวัตถุดิบสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมที่ถูกส่งไปยังแกซอง เพื่อให้เป็นไปตามมติคว่ำบาตรล่าสุดขององค์การสหประชาชาติ ส่งผลให้รัฐบาลเกาหลีเหนือมีท่าทีตอบโต้อย่างรุนแรง
“ถ้าใครกล้ามาแตะนิคมอุตสาหกรรมแกซองแม้เพียงน้อยนิด หรือในรูปแบบใดๆก็ตาม เราจะถือว่าเป็นการคว่ำบาตรเราอย่างร้ายกาจ” โฆษกคณะกรรมาธิการความร่วมมือทางเศรษฐกิจแห่งชาติเกาหลีเหนือ ระบุในแถลงการณ์ซึ่งเผยแพร่ผ่านสำนักข่าวกลาง เคซีเอ็นเอ
“เราจะถอนการสนับสนุนทุกอย่างออกจากแกซอง และเปลี่ยนพื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตทหาร”
โฆษกผู้นี้ย้ำด้วยว่า เกาหลีเหนือยอมเสียสละพื้นที่ชายแดนซึ่งมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ เพื่อให้เป็นที่ตั้งนิคมอุตสาหกรรมอันเป็นสัญลักษณ์แทนมิตรภาพสองเกาหลี
เกาหลีเหนือและใต้ยังอยู่ในสถานะคู่สงครามมานานถึง 60 ปี เนื่องจากสงครามเกาหลีสิ้นสุดลงในปี 1953 ด้วยข้อตกลงหยุดยิง แต่ยังปราศจากสนธิสัญญาสันติภาพ
ล่าสุดโฆษกกระทรวงการรวมชาติเกาหลีใต้ออกมาแถลงวันนี้ (7) ว่า “เราไม่มีเจตนาที่จะยับยั้ง หรือทำให้เกิดอุปสรรคต่อการดำเนินงานของนิคมอุตสาหกรรมแกซองแม้แต่น้อย”
เมื่อวันที่ 12 ธันวาคมปีที่แล้ว เกาหลีเหนือยิงจรวดส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรได้สำเร็จตามเป้าหมาย เรียกเสียงประณามอย่างรุนแรงจากนานาประเทศที่เชื่อว่าแผนดังกล่าวเป็นเพียงอุบายอำพรางการทดลองขีปนาวุธพิสัยไกลเท่านั้น
องค์การสหประชาชาติลงโทษพฤติกรรมยั่วยุของเกาหลีเหนือด้วยการออกมติคว่ำบาตรองค์กรและบุคลากรของโสมแดงเพิ่มเติม ขณะที่เปียงยางก็ตอบโต้ด้วยคำขู่ทดสอบอาวุธนิวเคลียร์เป็นครั้งที่ 3 ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าน่าจะเกิดขึ้นภายใน 2-3 วันข้างหน้านี้