เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ประธานาธิบดี ฮามิด คาร์ไซ แห่งอัฟกานิสถานออกโรงกล่าวหารัฐบาลสหรัฐฯภายใต้การนำของประธานาธิบดี บารัค โอบามา กำลังทรยศประชาชนชาวอัฟกันด้วยการแอบจับมือกับกลุ่มตอลิบาน
ผู้นำอัฟกานิสถาน กล่าวว่าเหตุระเบิดฆ่าตัวตาย 2 ครั้งซ้อนเมื่อวันเสาร์ (9) ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 19 ราย บริเวณด้านนอกอาคารที่ทำการกระทรวงกลาโหมอัฟกานิสถานในกรุงคาบูล รวมถึงจุดตรวจของตำรวจอีกแห่งหนึ่งในเมืองคอสต์นั้น อาจเป็นแผนลับของทางการสหรัฐฯที่หันไปจับมือกับกลุ่มตอลิบาน ในการสร้างความหวาดกลัวแก่ประชาชนเพื่อให้เห็นถึงความจำเป็นที่ยังจะต้องมีการคงกองกำลังบางส่วนของสหรัฐฯ และชาติสมาชิกองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) เอาไว้ในอัฟกานิสถานต่อไป หลังผ่านกำหนดการถอนตัวในสิ้นปี 2014
“เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นล่าสุดทั้งในกรุงคาบูลและเมืองคอสต์ แสดงให้เห็นว่าพวกตอลิบานทำงานให้อเมริกา พวกเขากำลังจับมือกันเพื่อสร้างความหวาดกลัวแก่ประชาชน ให้เห็นว่ารัฐบาลอัฟกานิสถานอ่อนด้อยประสิทธิภาพในการดูแลความมั่นคงของประเทศตัวเองและเป็นการสร้างเงื่อนไขที่ว่าพวกทหารต่างชาติต้องคงอยู่ในแผ่นดินของเราต่อไป” คาร์ไซเผยระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ ที่มีการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ไปทั่วประเทศ
อย่างไรก็ดี ยังไม่มีการแสดงความคิดเห็นหรือการตอบโต้ใดๆ ทั้งจากทำเนียบขาว กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ และกองกำลังนานาชาติภายใต้การนำของสหรัฐฯในอัฟกานิสถาน เกี่ยวกับข้อกล่าวหาล่าสุดของผู้นำอัฟกานิสถาน
ก่อนหน้านี้ ฮามิด คาร์ไซ วัย 55 ปี ซึ่งก้าวขึ้นครองอำนาจในฐานะประธานาธิบดีของอัฟกานิสถาน ตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2004 เคยกล่าวสุนทรพจน์ที่สร้างความตึงเครียดทางการทูตมาแล้วหลายครั้ง โดยเมื่อไม่นานมานี้ คาร์ไซเพิ่งออกมาขู่ว่า เขาจะเข้าร่วมกับกลุ่มตอลิบาน และกล่าวหาสหรัฐฯรวมถึงพันธมิตรนาโต ว่ามีจุดประสงค์ที่แท้จริงในการเข้ามาครอบครองและตักตวงทรัพยากรของอัฟกานิสถาน แต่เอาข้ออ้างในการกวาดล้างกลุ่มตอลิบานมาเป็นเครื่องบังหน้า