xs
xsm
sm
md
lg

ชี้ “ดัชนีหุ้นดาวโจนส์” ทำสถิติสูงสุดตลอดกาล ผลพวงเศรษฐกิจฟื้น-นโยบาย “เฟด”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online



เอเจนซีส์ - ดัชนีหุ้นอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดความเคลื่อนไหวของหุ้นในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กที่ได้รับความนิยมมากที่สุด สามารถไต่ทะยานขึ้นทำสถิติสูงสุดตลอดกาลในการซื้อขายเมื่อวันอังคาร (5 มี.ค.) จากการที่นักลงทุนกระโจนเข้าฉกฉวยผลพวงจากแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของเฟด นอกจากนั้นนักวิเคราะห์ยังบอกข่าวดีว่า ปัจจัยบวกมากมายเหล่านี้มีแนวโน้มหนุนนำตลาดเดินหน้าต่อ

สัญญาณบ่งชี้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่น่าจะเข้มแข็งขึ้น, มาตรการสนับสนุนทางการเงินอย่างต่อเนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด), และการประเมินค่าที่น่าดึงดูดใจของการลงทุนในหุ้นเมื่อเทียบกับการลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ เหล่านี้ส่งให้ตลอดปี 2013 นี้ดัชนีหุ้นอุตสาหกรรมดาวโจนส์เดินหน้าไปได้เเกือบ 9% แล้ว

ดัชนีดาวโจนส์ได้กลับขยับสูงขึ้นมาเรื่อยๆ ภายหลังลงไปลึกมากๆ ในเดือนมีนาคม 2009 จนกระทั่งในช่วงหลังๆ มานี้ก็มีมูลค่ามากเป็นกว่าสองเท่าตัวของเมื่อ 4 ปีที่แล้ว และพอถึงวันอังคารก็ได้ฤกษ์ยามที่จะทำนิวไฮ โดยเริ่มกันตั้งแต่เปิดการซื้อขายไปเลย ขณะที่ในตอนปิดนั้นดัชนีนี้ยืนอยู่ที่ระดับ 14,253.77 หรือเกือบ 90 จุดเหนือสถิติสูงสุดครั้งก่อนที่ทำไว้เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2007 นั่นคือก่อนที่วิกฤตภาคการเงินโลกจะระเบิดขึ้นในปีถัดมา

ทางด้านดัชนีเอสแอนด์พี 500 ซึ่งคำนวณโดยดูจากความเคลื่อนไหวของราคาของหุ้นต่างๆ อันครอบคลุมกิจกรรมในตลาดมากกว่า ในวันอังคารก็สามารถทำสถิติสูงสุดในรอบ 5 ปี ที่ 1,539.79 ทว่า ยังต่ำกว่าสถิติสูงสุดตลอดกาล 26 จุด ขณะที่ดัชนีหุ้นตลาดแนสแดค ทะยานขึ้น 42.10 จุด ปิดที่ 3,224.03

ดัชนีหุ้นอุตสาหกรรมดาวโจนส์ที่คำนวณโดยใช้ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นของบริษัทชั้นนำขนาดยักษ์ในอุตสาหกรรมต่างๆ รวม 30 แห่ง ถือเป็นตัวบ่งชี้สำคัญสำหรับตลาดทุนอเมริกามานานถึง 117 ปีแล้ว

พวกนักวิเคราะห์มองต่อไปว่า ตลาดหุ้นในสหรัฐฯ ยังน่าจะสามารถเดินหน้าต่ออีก หากผู้บริโภคเพิ่มการใช้จ่ายเนื่องจากมีรายได้มากขึ้น และพาดหัวข่าวที่เต็มไปด้วยสีสันเกี่ยวกับการทำนิวไฮในตลาดหุ้นอาจดึงดูดนักลงทุนเข้าสู่ตลาดมากขึ้น

ความเคลื่อนไหวเช่นนี้เป็นสัญญาณของการฟื้นตัวอย่างชัดเจน และก็ได้รับการตอกย้ำจากดัชนีสถาบันเพื่อการจัดการอุปทาน (อินสติติวท์ ฟอร์ ซัปพลาย แมเนจเมนต์ เดิมเรียกกันว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ) ประจำเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบปี ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยภาพรวมยังคงไม่สามารถสลัดหลุดพ้นจากผลของภาวะถดถอยหนักแห่งช่วงปี 2008-2009 ไปได้โดยสิ้นเชิงก็ตาม ตัวอย่างเช่น อัตราว่างงานยังคงสูงลิ่วในระดับ 7.9%

การทำนิวไฮของดัชนีดาวโจนส์ ยังเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่า ตลาดการเงินนั้นไม่แยกแสสนใจการงัดข้อกันระหว่างรีพับลิกันกับทำเนียบขาวเกี่ยวกับมาตรการลดงบประมาณรายจ่ายแบบเหมารวมอัตโนมัติที่มีผลบังคับตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา (1) เช่นเดียวกับที่ไม่สนใจวิกฤตในยุโรปภายหลังการเลือกตั้งอิตาลีออกมาชนิดก่อให้เกิดความชะงักงันในทางการเมือง ทั้งนี้ พวกนักลงทุนดูเหมือนจะกลับมองสถานการณ์เหล่านี้ว่าเป็นโอกาสที่จะได้เข้ากว้านซื้อของถูก

จิม แมคโดนัลด์ หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนของนอร์ทเทิร์น ทรัสต์ โกลบัล อินเวสต์เมนต์ ในชิคาโก ที่บริหารสินทรัพย์มูลค่า 760,000 ล้านดอลลาร์ มองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังขยายตัวแม้มีความเสี่ยงจากการที่อาจมีการขยับขึ้นภาษีและจากการลดงบประมาณรายจ่ายอัตโนมัติ โดยที่ไม่มีแนวโน้มว่าสภาพเศรษฐกิจและนโยบายเฟดจะเข้ามาขัดขวางตลาดขาขึ้นในระยะนี้

นักลงทุนต่างยินดีกับสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่ปัจจัยหลักสำคัญกว่าซึ่งหนุนนำตลาดหุ้นล่าสุดที่คาดว่าจะยังคงอยู่ตลอดปีนี้ ก็คือ ผลจากนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของเฟด และอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นซึ่งยืนอยู่ในอัตราเกือบเท่ากับ 0% มาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2008 แล้ว

ฮิวจ์ จอห์นสัน ประธานและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายนักลงทุนของฮิวจ์ จอห์นสัน แอดไวเซอร์ส ทิ้งท้ายว่า ภาวะเศรษฐกิจที่ดี เช่นเดียวกับผลกำไรของภาคธุรกิจ ตลอดจนอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมาก เป็นตัวชูโรงในตลาดที่ไม่มีทีท่าว่าจะเลิกราไปง่ายๆ
กำลังโหลดความคิดเห็น