เอเอฟพี - ทบวงการปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ชี้อิหร่านกำลังติดตั้งอุปกรณ์รุ่นใหม่ภายในโรงงานนิวเคลียร์หลักของประเทศ ซึ่งเรียกเสียงประณามอย่างรุนแรงจากทั้งสหรัฐฯ, อังกฤษ และอิสราเอล ก่อนที่เตหะรานจะเปิดเจรจากับชาติมหาอำนาจเพียง 5 วันเท่านั้น
รายงานที่ไอเออีเอเผยแพร่เมื่อวานนี้ (21) ระบุว่า “เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ทบวงการปรมาณูระหว่างประเทศตรวจพบว่า อิหร่านเริ่มติดตั้งเครื่องหมุนเหวี่ยงวัสดุนิวเคลียร์ (centrifuge) รุ่นไออาร์-2 เอ็ม” ที่โรงงานนิวเคลียร์เมืองนาตันซ์ ทางตอนกลางของประเทศ
“นับเป็นครั้งแรกที่อิหร่านติดตั้งเครื่องหมุนเหวี่ยงวัสดุนิวเคลียร์ที่มีศักยภาพสูงกว่ารุ่น ไออาร์-1”
เจ้าหน้าที่ผู้หนึ่งเผยว่า เตหะรานมีเป้าหมายที่จะติดตั้งเครื่องหมุนเหวี่ยงวัสดุนิวเคลียร์ตัวใหม่ถึง 3,000 เครื่องที่เมืองนาตันซ์ ซึ่งมีเครื่องรุ่นเก่าอยู่แล้ว 12,500 เครื่อง และหากสำเร็จตามแผนก็จะช่วยให้อิหร่านเสริมสมรรถนะยูเรเนียมได้เร็วยิ่งขึ้น
รายงานฉบับนี้ทำให้วอชิงตันออกมาประณามในทันทีว่า อิหร่านกำลัง “ก่อการยั่วยุ” อีกขั้นหนึ่งแล้ว
วิกตอเรีย นูแลนด์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า การติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าว “ถือเป็นการละเมิดพันธกรณีของอิหร่านตามมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และมติของคณะกรรมการไอเออีเอ” แต่ก็ยอมรับว่า สหรัฐฯ ไม่ได้แปลกใจเลยเมื่อทราบข่าวนี้
ด้านอังกฤษก็แสดงความกังวลเกี่ยวกับพัฒนาการล่าสุดของโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน โดย อลิสแตร์ เบิร์ต ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า “นี่เป็นอีกครั้งที่อิหร่านไม่พยายามทำให้ทั่วโลกมั่นใจว่า... กิจกรรมนิวเคลียร์ของพวกเขามีจุดประสงค์ในทางสันติจริง”
อิสราเอลซึ่งเป็นประเทศเดียวในตะวันออกกลางที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์อย่างลับๆ ก็ออกมาเตือนว่า เตหะรานใกล้จะผลิตยูเรเนียมสมรรถนะสูงได้มากพอสำหรับทำระเบิดนิวเคลียร์แล้ว
“การป้องกันมิให้อิหร่านครอบครองอาวุธนิวเคลียร์จะเป็นประเด็นหลักที่นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู จะหารือกับประธานาธิบดีบารัค โอบามา” ในเดือนมีนาคมนี้ สำนักนายกรัฐมนตรีอิสราเอลระบุในแถลงการณ์
รายงานประจำไตรมาสของไอเออีเอระบุด้วยว่า แม้จะมีความเคลื่อนไหวที่โรงงานเมืองนาตันซ์ แต่อิหร่านยังไม่ได้เริ่มติดตั้งอุปกรณ์ใหม่ที่โรงงานฟอร์โด ซึ่งเป็นที่หวั่นวิตกของนานาชาติมากที่สุด เนื่องจากโรงงานแห่งนี้ใช้ผลิตยูเรเนียมที่มีความบริสุทธิ์สูงถึง 20% ในขณะที่โรงงานเมืองนาตันซ์จะเสริมสมรรถนะยูเรเนียมราว 5% เท่านั้น
โดยทางเทคนิคแล้ว การที่อิหร่านสามารถเสริมสมรรถนะยูเรเนียมให้บริสุทธิ์ถึง 20% ก็จัดว่าไม่ห่างไกลจากการผลิตยูเรเนียมเกรดอาวุธที่ต้องมีความบริสุทธิ์ถึง 90%