เอเอฟพี - รัฐบาลอิหร่านอาจผลิตยูเรเนียมเกรดอาวุะได้เป็นจำนวนมากพอสำหรับผลิตระเบิดนิวเคลียร์ภายในอีก 2-4 เดือน และจะต้องการเวลาอีก 8-10 เดือนเพื่อผลิตอาวุธทำลายล้างสูงดังกล่าว ผู้เชี่ยวชาญเผย วานนี้ (8)
คณะผู้จัดทำรายงานว่าด้วยกิจกรรมนิวเคลียร์ของอิหร่าน ระบุว่า โครงการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมของเตหะรานคืบหน้าไปมาก แต่หากอิหร่านคิดจะผลิตระเบิดปรมาณู ผู้ตรวจสอบอาวุธจากสหรัฐฯ และองค์การสหประชาชาติจะสามารถตรวจพบล่วงหน้า “อย่างน้อยก็สักระยะหนึ่ง”
รายงานของสถาบันวิทยาศาสตร์และความมั่นคงระหว่างประเทศ (ISIS) เผยคาดการณ์ปริมาณยูเรเนียมในสต๊อกของอิหร่านโดยอ้างอิงจากตัวเลขของทบวงการปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ซึ่งก็พบว่าอิหร่านต้องการเวลาอีกเพียง 2-4 เดือนก็จะสามารถผลิตยูเรเนียมเกรดอาวุธได้ 25 กิโลกรัมสำหรับทำระเบิด 1 ลูก และในการนั้นอิหร่านจะต้องใช้ทั้งยูเรเนียมที่เสริมความบริสุทธิ์ 3.5% และ 20% ที่มีอยู่รวมกัน
บทวิเคราะห์ดังกล่าวสอดคล้องกับมุมมองของสหรัฐฯ ที่เชื่อว่าเมื่อใดที่อิหร่านตัดสินใจผลิตระเบิดนิวเคลียร์ ก็จะต้องใช้เวลาหลังจากนั้นอีกหลายเดือนกว่าจะผลิตวัตถุดิบเกรดอาวุธได้มากพอ และยังต้องการเวลาอีกเป็นเดือนๆ เพื่อกระบวนการทำระเบิด
เดวิด อัลไบรท์ หนึ่งในคณะผู้วิจัย ให้สัมภาษณ์วานนี้ (8) ว่า เมื่ออิหร่านมียูเรเนียมเกรดอาวุธมากพอแล้วจะต้องใช้เวลาอีก 8-10 เดือนจึงจะผลิตระเบิดนิวเคลียร์สำเร็จ
เมื่อวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา เลียน เพเนตตา รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวไว้ว่า สหรัฐฯ ยังมีเวลาอีกราวๆ 1 ปีที่จะขัดขวางมิให้อิหร่านครอบครองระเบิดนิวเคลียร์ได้
รายงานชี้ว่า อิหร่านต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งหากจะถอนตัวจากข้อตกลงไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ และ “ฝ่าด่าน” ไปผลิตระเบิด ซึ่งเท่ากับสหรัฐฯ และพันธมิตรยังพอมีเวลาจัดการได้
“แม้เวลาในการตัดสินใจของอิหร่านจะสั้นเข้ามาทุกที แต่ถ้าคิดจะแหกกฎในปีหน้าก็ไม่พ้นสายตาของ IAEA หรือสหรัฐฯ ไปได้... สหรัฐฯ และพันธมิตรมีศักยภาพพอที่จะตอบโต้อย่างรุนแรง ดังนั้น หากอิหร่านมีแผนจะผลิตระเบิดที่โรงงานนาตันซ์ หรือฟอร์โดในปีหน้า ก็นับว่าเสี่ยงพอสมควร”
อย่างไรก็ดี เมื่อยูเรเนียมเสริมสมรรถนะ 20% ในสต็อกของอิหร่านมีมากขึ้น เวลาที่ต้องใช้ในการผลิตระเบิดก็จะสั้นลงไปด้วย และการที่อิหร่านกระจายเครื่องหมุนเหวี่ยงวัสดุนิวเคลียร์ (centrifuge) ออกไปตามโรงงานหลายแห่งก็ทำให้ผู้ตรวจสอบอาวุธยากที่จะจับตาความคืบหน้าได้
แม้จะถูกกล่าวหาจากชาติตะวันตกและมีรายงานของผู้ตรงจสอบยูเอ็นมายืนยัน แต่อิหร่านยังยืนกรานว่ากิจกรรมนิวเคลียร์ของตนมีจุดประสงค์ในเชิงสันติเท่านั้น
คณะผู้จัดทำรายงานว่าด้วยกิจกรรมนิวเคลียร์ของอิหร่าน ระบุว่า โครงการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมของเตหะรานคืบหน้าไปมาก แต่หากอิหร่านคิดจะผลิตระเบิดปรมาณู ผู้ตรวจสอบอาวุธจากสหรัฐฯ และองค์การสหประชาชาติจะสามารถตรวจพบล่วงหน้า “อย่างน้อยก็สักระยะหนึ่ง”
รายงานของสถาบันวิทยาศาสตร์และความมั่นคงระหว่างประเทศ (ISIS) เผยคาดการณ์ปริมาณยูเรเนียมในสต๊อกของอิหร่านโดยอ้างอิงจากตัวเลขของทบวงการปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ซึ่งก็พบว่าอิหร่านต้องการเวลาอีกเพียง 2-4 เดือนก็จะสามารถผลิตยูเรเนียมเกรดอาวุธได้ 25 กิโลกรัมสำหรับทำระเบิด 1 ลูก และในการนั้นอิหร่านจะต้องใช้ทั้งยูเรเนียมที่เสริมความบริสุทธิ์ 3.5% และ 20% ที่มีอยู่รวมกัน
บทวิเคราะห์ดังกล่าวสอดคล้องกับมุมมองของสหรัฐฯ ที่เชื่อว่าเมื่อใดที่อิหร่านตัดสินใจผลิตระเบิดนิวเคลียร์ ก็จะต้องใช้เวลาหลังจากนั้นอีกหลายเดือนกว่าจะผลิตวัตถุดิบเกรดอาวุธได้มากพอ และยังต้องการเวลาอีกเป็นเดือนๆ เพื่อกระบวนการทำระเบิด
เดวิด อัลไบรท์ หนึ่งในคณะผู้วิจัย ให้สัมภาษณ์วานนี้ (8) ว่า เมื่ออิหร่านมียูเรเนียมเกรดอาวุธมากพอแล้วจะต้องใช้เวลาอีก 8-10 เดือนจึงจะผลิตระเบิดนิวเคลียร์สำเร็จ
เมื่อวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา เลียน เพเนตตา รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวไว้ว่า สหรัฐฯ ยังมีเวลาอีกราวๆ 1 ปีที่จะขัดขวางมิให้อิหร่านครอบครองระเบิดนิวเคลียร์ได้
รายงานชี้ว่า อิหร่านต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งหากจะถอนตัวจากข้อตกลงไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ และ “ฝ่าด่าน” ไปผลิตระเบิด ซึ่งเท่ากับสหรัฐฯ และพันธมิตรยังพอมีเวลาจัดการได้
“แม้เวลาในการตัดสินใจของอิหร่านจะสั้นเข้ามาทุกที แต่ถ้าคิดจะแหกกฎในปีหน้าก็ไม่พ้นสายตาของ IAEA หรือสหรัฐฯ ไปได้... สหรัฐฯ และพันธมิตรมีศักยภาพพอที่จะตอบโต้อย่างรุนแรง ดังนั้น หากอิหร่านมีแผนจะผลิตระเบิดที่โรงงานนาตันซ์ หรือฟอร์โดในปีหน้า ก็นับว่าเสี่ยงพอสมควร”
อย่างไรก็ดี เมื่อยูเรเนียมเสริมสมรรถนะ 20% ในสต็อกของอิหร่านมีมากขึ้น เวลาที่ต้องใช้ในการผลิตระเบิดก็จะสั้นลงไปด้วย และการที่อิหร่านกระจายเครื่องหมุนเหวี่ยงวัสดุนิวเคลียร์ (centrifuge) ออกไปตามโรงงานหลายแห่งก็ทำให้ผู้ตรวจสอบอาวุธยากที่จะจับตาความคืบหน้าได้
แม้จะถูกกล่าวหาจากชาติตะวันตกและมีรายงานของผู้ตรงจสอบยูเอ็นมายืนยัน แต่อิหร่านยังยืนกรานว่ากิจกรรมนิวเคลียร์ของตนมีจุดประสงค์ในเชิงสันติเท่านั้น
