นายกฯ ยิวจี้นานาชาติ “ขีดเส้นแดง” จำกัดโครงการนุกอิหร่าน

เอเอฟพี - นายกรัฐมนตรีอิสราเอลกล่าวหาประชาคมโลกว่าไม่ยอม “ขีดเส้นแดง” บีบให้อิหร่านจำกัดการพัฒนาด้านนิวเคลียร์ หลังองค์การสหประชาชาติมีรายงานว่า เตหะรานสั่งเพิ่มศักยภาพของโรงงานนิวเคลียร์เป็น 2 เท่าตัว

นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอล แถลงระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ วานนี้ (2) ว่า “ผมคิดว่าเราควรหันมาพูดความจริงกันเสียทีว่า ประชาคมโลกยังไม่ยอมขีดเส้นแดงกับอิหร่าน”

“อิหร่านยังย่ามใจว่านานาชาติไม่ได้แสดงเจตนารมณ์อันมุ่งมั่นที่จะยับยั้งโครงการนิวเคลียร์ของพวกเขา... ตราบใดที่อิหร่านยังไม่เห็นเส้นแดงและความมุ่งมั่นที่ว่ามานี้ พวกเขาก็จะไม่หยุดพัฒนาอย่างแน่นอน”

เนทันยาฮู ออกมาแสดงความเห็นเป็นครั้งแรก หลังจากทบวงการปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ) เผยรายงานเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (30) ว่า อิหร่านเพิ่มศักยภาพในการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมที่โรงงานใต้ดินฟอร์โดเป็น 2 เท่า แม้จะมีมติประณามจากคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น, ถูกคว่ำบาตร หรือได้รับคำขู่จากอิสราเอลว่าจะใช้ทหารเข้ายับยั้งก็ตาม

ไอเออีเอเผยว่า การตรวจสอบความเคลื่อนไหวภายในฐานทัพเมืองปาร์คิน ซึ่งเชื่อว่าอิหร่านใช้เป็นสถานที่วิจัยและทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ในอดีตนั้น “ทำได้ยากลำบากขึ้น” เนื่องจากมีความพยายามกลบเกลื่อนร่องรอย

รายงานจากไอเออีเอระบุว่า ปัจจุบันอิหร่านติดตั้งเครื่องหมุนเหวี่ยงเพิ่มความเข้มข้นวัสดุนิวเคลียร์ (centrifuge) ที่โรงงานฟอร์โดแล้วประมาณ 2,000 ตัว เมื่อเทียบกับ 1,000 ตัวเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

แม้ยูเรเนียมเสริมสมรรถนะจะใช้เพื่อจุดประสงค์ในเชิงสันติได้ ทว่ายูเรเนียมที่ถูกทำให้มีความความบริสุทธิ์สูงก็สามารถใช้ผลิตอาวุธนิวเคลียร์ได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งที่ผ่านมาคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นก็ได้ออกมติห้ามปรามอิหร่านมาแล้วหลายครั้ง

เจย์ คาร์นีย์ โฆษกทำเนียบขาว ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวบนเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวันว่า “สหรัฐฯและอิสราเอลต่างมีจุดยืนตรงกันที่จะป้องกันมิให้อิหร่านประสบความสำเร็จในการผลิตอาวุธนิวเคลียร์” พร้อมกล่าวว่า “ประตู” แห่งการแก้ไขความขัดแย้งด้วยการทูตนั้นยังคงเปิดอยู่ แต่จะไม่เปิดตลอดไป

เนทันยาฮูระบุว่า รายงานจากไอเออีเอเป็นเครื่องยืนยันสิ่งที่เขาเตือนมานานแล้วว่า “มาตรการคว่ำบาตรของนานาชาติจะมีผลในเชิงเศรษฐกิจกับอิหร่านเท่านั้น แต่ไม่สามารถหยุดยั้งการพัฒนาด้านนิวเคลียร์” และอิหร่านกำลังใช้เวทีเจรจากับมหาอำนาจเป็นเครื่องมือ “ซื้อเวลา” เพื่อที่จะเดินหน้าโครงการนิวเคลียร์ต่อไป