xs
xsm
sm
md
lg

สื่อต่างประเทศระบุไทยติดโผดินแดนช่วยซีไอเอทำ “งานสกปรก” หลังเหตุก่อวินาศกรรม 9/11

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - เว็บไซต์ “AlterNet” ของสถาบันสื่ออิสระ (ไอเอ็มไอ) ซึ่งเป็นองค์กรเคลื่อนไหวที่ไม่แสวงหากำไรที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1998 เผยแพร่บทความชิ้นล่าสุดเมื่อวันจันทร์ (18) ที่ผ่านมา โดยเปิดเผยรายชื่อประเทศต่างๆ ทั่วโลกที่สมคบคิดให้การช่วยเหลือใน “งานสกปรก” ของสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (ซีไอเอ) ในการจัดตั้ง “คุกลับ” เพื่อคุมขัง และทำการ “ทรมาน” บุคคลที่ต้องสงสัยว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ

รายงานของ “AlterNet” ซึ่งเป็นที่รวมของพวกบล็อกเกอร์หัวเสรีที่มียอดผู้อ่านมากกว่า 3 ล้านคนต่อเดือนระบุว่า นับตั้งแต่เหตุการณ์ก่อวินาศกรรมในสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 11 กันยายน ปี 2001 เป็นต้นมา สำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (ซีไอเอ) แทบจะเปลี่ยนโลกทั้งใบให้กลายเป็น “ค่ายกักกันนักโทษ” ของตัวเอง

โดยช่วงเวลาระหว่างเหตุการณ์ 11 กันยายน 2001 จนถึงวันที่ 20 มกราคม ปี 2009 ซึ่งเป็นวันที่อดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ของสหรัฐฯ หมดวาระและก้าวออกจากทำเนียบขาว มีข้อมูลที่น่าละอายว่าทางซีไอเอได้รับความร่วมมือจากประเทศต่างๆ ราว 54 ประเทศ จากกว่า 190 ประเทศทั่วโลกในรูปแบบต่างๆ ทั้งการจัดตั้งคุกลับ, การเปิดไฟเขียวให้ซีไอเอเข้ามาใช้น่านฟ้าและสนามบินอย่างเสรีเพื่อรองรับ “เที่ยวบินลับ” ของซีไอเอ, การให้ข้อมูลข่าวกรองแก่ทางซีไอเอ, ไม่เว้นแม้แต่การลักพาตัวชาวต่างชาติ รวมถึงพลเมืองของตัวเองไปส่งให้กับสายลับของซีไอเอแบบถึงมือ

มีการประเมินว่า ในช่วงเวลาดังกล่าวมีผู้ที่ตกเป็นเหยื่อการถูกคุมขัง และการทรมานในคุกลับของซีไอเออย่างน้อย 136 คนทั่วโลก แม้ในความเป็นจริงแล้วจะเป็นที่ทราบกันดีว่า ตัวเลขนักโทษในคุกลับของซีไอเออาจมีจำนวนสูงกว่านี้มาก

ขณะเดียวกัน ข้อมูลจากรายงานชุด “Globalizing Torture : CIA Secret Detentions and Extraordinary Rendition” ของเครือข่ายองค์กรด้านประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนชื่อดัง “โอเพน โซไซตี้ ฟาวเดชันส์” ของนายจอร์จ โซรอส พ่อมดการเงินชื่อก้องโลก ที่ถูกเผยแพร่เมื่อวันที่ 5 ก.พ.ผ่านสื่อต่างๆ รวมถึงหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ระบุ 54 ประเทศที่ให้ความร่วมมือกับซีไอเอในการทำ “ภารกิจสกปรก” ต่างๆ นั้น มีที่ตั้งกระจายอยู่ในทุกทวีปทั่วโลก ไม่ต่างจากฉายา “ดินแดนที่อาทิตย์ไม่เคยตกดิน” ในยุคที่จักรวรรดิ์อังกฤษเรืองอำนาจ จนมีอาณานิคมอยู่ทั่วทุกมุมโลก

สำหรับรายชื่อ 54 ประเทศที่ถูกระบุว่าให้ความช่วยเหลือต่อซีไอเอในช่วงเวลาดังกล่าว ประกอบด้วย ไทย ซิมบับเว เยเมน อุซเบกิสถาน สหราชอาณาจักร สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ตุรกี ซีเรีย สวีเดน ศรีลังกา แคนาดา สเปน แอฟริกาใต้ โซมาเลีย ซาอุดีอาระเบีย

อัฟกานิสถาน อัลเบเนีย แอลจีเรีย โรมาเนีย โปรตุเกส โปแลนด์ กรีซ ออสเตรเลีย ออสเตรีย ปากีสถาน โมร็อกโก มอริเทเนีย อาเซอร์ไบจัน เบลเยียม บอสเนีย-เฮอร์เซโกวินา โครเอเชีย ไซปรัส สาธารณรัฐเช็ก เดนมาร์ก ฌีบูติ อียิปต์ มาเลเซีย เอทิโอเปีย ฟินแลนด์ มาลาวี มาเซโดเนีย ลิเบีย เคนยา ลิทัวเนีย อิตาลี จอร์แดน อิหร่าน สาธารณรัฐไอร์แลนด์ อินโดนีเซีย ไอซ์แลนด์ เขตปกครองพิเศษฮ่องกง แกมเบีย จอร์เจีย รวมถึงเยอรมนี

ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า ขณะนี้ได้มีการยื่นฟ้องร้องต่อศาลสิทธิมนุษยชนยุโรป (EctHR) ที่เมืองสตราสบูร์ก ประเทศฝรั่งเศส โดยผู้ที่ยื่นฟ้องก็คือ บรรดาอดีตผู้ที่ถูกควบคุมตัวในคุกลับของซีไอเอในประเทศต่างๆ นั่นเอง และเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ศาลได้มีคำตัดสินว่ารัฐบาลของประเทศมาเซโดเนียในคาบสมุทรบอลข่านกระทำการละเมิดสิทธิของนาย “คาเลด เอล มาสรี” ชาวเลบานอนซึ่งเกิดที่คูเวตและถือสัญชาติเยอรมนี ด้วยการรู้เห็นเป็นใจกับซีไอเอในการคุมขังเขาไว้ในคุกลับแห่งหนึ่ง

ส่วนในอิตาลีก็มีการดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่ซีไอเอของสหรัฐฯ รวมถึงเจ้าหน้าที่หลายนายของหน่วยงานความมั่นคงของอิตาลี ในคดีที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งเป็นการยืนยันว่า “คุกลับ” ของซีไอเอในต่างประเทศนั้นมีอยู่จริง
แผนที่แสดง 54 ดินแดนทั่วโลกที่ช่วยซีไอเอทำงานสกปรก (รวมถึงประเทศไทย)
กำลังโหลดความคิดเห็น