เอเอฟพี - วอลล์สตรีทและราคาน้ำมันวานนี้ (19) ขยับขึ้นพอประมาณ จากข้อมูลทางเศรษฐกิจในเยอรมนี แต่ปัจจัยนี้กลับฉุดให้ทองคำยังลงต่อเนื่อง เหตุนักลงทุนเทขายไปซื้อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 53.99 จุด (0.39 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 14,035.75 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 21.56 จุด (0.68 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,213.59 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 11.12 จุด (0.73 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,530.91 จุด
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เคลื่อนไหวตามตลาดทุนในยุโรป โดยดัชนีดาวโจนส์และเอสแอนด์พีขยับขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 5 ปี หลังได้แรงหนุนจากดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนในเยอรมนี ชาติเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ของยุโรป
นอกจากนี้แล้ว นักลงทุนยังได้แรงเสริมจากรายงานข่าวความเป็นไปได้ในการควบรวมกิจการครั้งใหญ่ระหว่าง Depot Inc และ OffieMax Inc. สองบริษัทยักษ์ใหญ่ ที่ประกอบธุรกิจค้าปลีกเกี่ยวกับอุปกรณ์สำนักงาน
ด้านราคาน้ำมันวานนี้ (19) เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ตามความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นทั่วยุโรปและสหรัฐฯ ท่ามกลางความคาดหวังว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 80 เซ็นต์ ปิดที่ 96.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 14 เซ็นต์ ปิดที่ 117.52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันขยับขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงกลางเดือนธันวาคม ซึ่งตอนนั้นราคาน้ำมันนิวยอร์กอยู่ที่ระดับ 87 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยนักวิเคราะห์ตั้งข้อสังเกตว่านักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรในตลาดพลังงาน ด้วยความหวังว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง
กระนั้นก็ดี ความคาดหวังต่อภาวะการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจนี้ กลับฉุดให้ราคาทองคำวานนี้ (19) ปิดลบเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน และขยับเข้าใกล้ระดับต่ำที่สุดในรอบ 6 เดือน เหตุเพราะนักลงทุนเทขายไปแสวงหากำไรกับสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง โดยราคาทองคำตลาดโคเมกซ์ของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 5.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,604.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์